นายจัง เอี้ยนเซิง เลขาธิการคณะกรรมาธิการวิชาการ คณะกรรมการการพัฒนาและการปฏิรูปแห่งชาติจีนเห็นว่า การประชุมหารือยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ รอบที่ 4 มีขึ้นในขณะที่เศรษฐกิจโลกอยู่ในขาขึ้นนับแต่เกิดวิกฤตการเงินเป็นต้นมา และเศรษฐกิจจีนดีกว่ายุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้น บทบาทของจีนกับสหรัฐฯ ในสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันจึงเป็นเรื่องที่น่าหารือกันยิ่ง นายจัง เอี้ยนเซิงยังระบุว่า นับแต่ปีนี้เป็นต้นมา จีน-สหรัฐฯ เกิดข้อพิพาททางการค้าอันเนื่องด้วยสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาบ่อยครั้ง ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่การคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาจะเป็นประเด็นสำคัญของการหารือรอบนี้
ประจวบกับปีนี้ตรงกับการเลือกตั้งทั่วไปของสหรัฐฯ นายจัง เอี้ยนเซิงจึงระบุว่า มีความเป็นจำที่จะป้องกันไม่ให้สื่อบางกลุ่มของสหรัฐฯ ทำให้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาการเมือง เขากล่าวว่า "ปีการเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะมีอุปสรรคและผลกระทบจากปัจจัยการเมืองมากมาย ทั้งจะทำให้ปัญหาต่างๆ เป็นปัญหาละเอียดอ่อนมากขึ้น ไม่ว่าพรรคเดโมแครตหรือพรรครีพับลิกันล้วนจะยกเรื่องจีนขึ้นมาพูด เพราะเป็นวิธีง่ายๆ ในการหาเสียงสนับสนุนให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้ง"
นับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา สหรัฐฯ กำหนดยุทธศาสตร์กลับคืนสู่เอเชียตะวันออก จนกระทั่งย่างเข้าปี 2012 ยุทธศาสตร์โลกของสหรัฐฯ เริ่มย้ายจุดสำคัญมายังเอเชียตะวันออกอย่างแท้จริง และนับวันยิ่ง "กลับคืนสู่เอเชีย-แปซิฟิก" อย่างเห็นได้ชัด นายฉวี่ ซิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยปัญหาระหว่างประเทศจีนเห็นว่า การประชุมหารือยุทธศาสตร์จีน-สหรัฐฯ รอบนี้ จุดยืนของสหรัฐฯ ยังคงจะตั้งอยู่บนยุทธศาสตร์เอเชีย-แปซิฟิก ส่วนข้อเรียกร้องของจีนจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความมั่นคงของประเทศจีน
ไม่ว่าในแวดวงยุทธศาสตร์หรือแวดวงเศรษฐกิจ จีนกับสหรัฐฯ ล้วนมีผลประโยชน์ร่วมกัน จึงมีเหตุผลที่จะคาดหวังให้การประชุมหารือยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจจีน-สหรัฐฯ รอบนี้ประสบผลอันดี
(TON/LING)