นายวอลทัยเร กัสมินระบุว่า ขณะนี้มี 58 โครงการได้รับการอนุมัติแล้ว เขายังเปิดเผยว่า รัฐบาลนายอาคิโนที่ 3 กำลังมุ่งผ่านมติว่าด้วยงบประมาณการป้องกันประเทศจำนวน 70,000 ล้านเปโซ หรือประมาณ 1,670 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพื่อเดินหน้าพัฒนากองทัพให้มีความทันสมัย วันเดียวกัน พล.ท.เจสเซีย เดลโลซา ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของฟิลิปปินส์เข้าร่วมพิธีรับมอบเรือรบลาดตระเวนระดับเดียวกับเรือรบ "ฮามิลตัน" ลำที่ 2 ที่สหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ นายอัลเบิร์ต เอฟ เดล โรซาริโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ก็เคยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวฟิลิปปินส์ว่า ประเทศหลายประเทศกำลังช่วยฟิลิปปินส์ยกระดับความสามารถในการป้องกันประเทศให้สูงขึ้น โดยญี่ปุ่นจะให้เรือลาดตระเวนแก่ฟิลิปปินส์จำนวน 12 ลำ ออสเตรเลียจะให้เรือกู้ภัยและเพิ่มความร่วมมือทางการทหารกับฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ ฟิลิปปินส์กำลังพิจารณาโครงการจัดซื้อเครื่องบินรบจากเกาหลีใต้ด้วย
ทั้งนี้นักวิเคราะห์ผู้หนึ่งในฟิลิปปินส์ระบุว่า นี่ไม่ใช่ข่าวใหม่อะไร เพราะสื่อญี่ปุ่นเคยรายงานเมื่อมีนาคมปีนี้ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะพิจารณาเรื่องการมอบเรือลาดตระเวนให้แก่ฟิลิปปินส์จำนวน 10 ลำ ส่วนความร่วมมือทางการทหารระหว่างฟิลิปปินส์กับออสเตรเลียก็เป็นข่าวเก่าตั้งแต่เมื่อ 3-4 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม ในวาระที่กรณีเกาะหวงเหยียนยังไม่มีข้อยุติ ซึ่งมีความละเอียดอ่อน การที่เจ้าหน้าที่ชั้นสูงของฟิลิปปินส์นำข่าวเก่าเหล่านี้มาเผยกับสื่อมวลชน จึงถือเป็นการสร้างภาพว่าฟิลิปปินส์กำลังชักชวนกลุ่มอิทธิพลภายนอกมาเข้าก้าวก่าย ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการยุติกรณีปัญหาเกาะหวงเหยียน
นายหง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงว่า เกาะหวงเหยียนเป็นดินแดนที่มีมาแต่ดั้งเดิมของจีน จีนมุ่งมั่นผลักดันให้ฟิลิปปินส์แก้ไขข้อผิดพลาดและผ่อนคลายสถานการณ์ด้วยวิธีการเจรจาทางการทูต เพื่อเอื้อให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศพัฒนาอย่างเป็นปกติ การที่ฟิลิปปินส์ลากฝ่ายที่ 3 ซึ่งไม่ว่าเป็นฝ่ายใดๆ ก็ตาม เข้ามาก่อกวนหรือก้าวก่ายกรณีนี้ ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ก็ย่อมจะทำให้สถานการณ์หนักหนาสาหัสขึ้นอีกขั้น กระทั่งแปรเปลี่ยนลักษณะของปัญหาไป ดังนั้น จีนจึงขอคัดค้านอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ยังหวังว่า ฟิลิปปินส์จะมีสัญญาณที่ชัดเจนและเป็นเอกฉันท์เกี่ยวกับการยุติกรณีปัญหา
เกาะหวงเหยียนด้วยวิถีทางการทูต เพื่อเป็นผลดีต่อจีนกับฟิลิปปินส์ในการจัดการเจรจาอย่างจริงจัง
(TON/LING)