ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อัตราเติบโตของจีดีพีจีนเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 10% ส่วนอัตราเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 22% นายจาง เสี่ยวอวู๋ อุปนายกสหพันธ์อุตสาหกรรมจักรกลแห่งประเทศจีนแสดงความเห็นว่า ภายใน 5-10 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมรถยนต์และจีดีพีของจีนจะเติบโตในจังหวะเดียวกัน ผู้ประกอบการรถยนต์ของจีนส่วนใหญ่ก็มีความคิดเห็นเช่นเดียวกับนายจาง เสี่ยวอวู๋ โดยมีความมั่นใจต่อตลาดรถยนต์จีนในอนาคต
นายฉวี เหออี๋ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ปักกิ่งกล่าวว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนไม่มีฟองสบู่ ปีนี้ยอดการผลิตและการขายในจีนน่าจะมีกว่า 20 ล้านคัน และในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 12 มีความเป็นไปได้สูงมากที่ยอดการผลิตและการขายรถในจีนจะสูงถึง 35 ล้านคัน
ขณะที่นายฉวี หลิวผิง ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ ฉางอัน กล่าวว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงทองของบริษัทผลิตรถยนต์ร่วมทุน เพราะช่วงนั้น บริษัทผลิตรถยนต์ร่วมทุนได้พัฒนาอย่างรวดเร็วมาก ส่วนช่วง 10 ปีข้างหน้า ต้องเป็นช่วงทองของบริษัทผลิตรถยนต์แบรนด์จีนเอง ขณะนี้ กลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ฉางอันได้กำหนดเป้าหมายการผลิตและจำหน่ายในช่วงหลายปีข้างหน้าแล้ว คือในปี 2012 จะผลิตและจำหน่าย 3 ล้านคัน ในปี 2015 จะผลิตและจำหน่าย 4.5 ล้านคัน และในปี 2020 จะผลิตและจำหน่าย 6 ล้านคัน เขายังกล่าวว่า กลุ่มบริษัทผลิตรถยนตร์แบรนด์ ฉางอัน จะเน้นทั้งจำนวนและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จะพัฒนาบริษัทผลิตรถยนต์ ฉางอัน ให้เป็นบริษัทผลิตรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ และเข้มแข็ง
ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนยังมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ต้องยกระดับทักษะด้านนวัตกรรม ขณะนี้ การแข่งขันในตลาดรถทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมีความรุนแรงมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีนเองต้องเร่งยกระดับทักษะด้านนวัตกรรม และการวิจัยให้เข้มแข็งขึ้น นายหวาง เสีย นายกสมาคมส่งเสริมการค้ารถยนต์จีนกล่าวว่า ปัจจุบัน อุตสาหกรรมรถยนต์ของจีนมีขนาดใหญ่มาก แต่ยังไม่เข้มแข็ง ด้วยเหตุนี้ จีนจึงต้องเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ให้เข้มแข็งขึ้น โดยแต่ละบริษัทต้องตั้งศูนย์วิจัยเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ มุ่งบุกเบิกพัฒนารถยนต์ประหยัดพลังงาน รถยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่ ส่วนรัฐบาลต้องส่งเสริมการรวมตัวของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อบรรลุเป้าหมายให้จีนพัฒนาจากประเทศผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่มาเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้มแข็ง
นาย ซูโป รัฐมนตรีช่ายว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศจีนกล่าวว่า ช่วง 5 ปีข้างหน้า สภาวะแวดล้อมของการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์จีนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง ปัญหาต่างๆ ของอุตสาหกรรมรถยนต์จีนจะปรากฎออกมาเรื่อยๆ เช่น ทักษะด้านนวัตกรรมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์จีนส่วนใหญ่ยังไม่เข้มแข็ง บริษัทผลิตรถยนต์จีนส่วนใหญ่ยังไม่ได้กุมเทคโนโลยีการผลิตที่สำคัญที่สุด รถยนต์แบรนด์จีนส่วนใหญ่ยังแข่งกับรถแบรนด์ต่างชาติไม่ได้ โครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์จีนยังต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นต่อไป นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลยกเลิกนโยบายกระตุ้นตลาดรถ เมืองขนาดใหญ่หลายเมืองใช้มาตรการจำกัดการซื้อรถ และการใช้รถ บริษัทผลิตรถยนต์ร่วมทุนเร่งผลิตและขายรถคุณภาพดี ราคาถูก เพื่อขยายส่วนแบ่งตลาด ทั้งนี้ทำให้รถแบรนด์จีนต้องตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก เพราะขณะนี้ รถแบรนด์จีนยังไม่สามารถบุกตลาดระดับบน ดังนั้น เมื่อรถแบรนด์ร่วมทุนมาแย่งตลาดระดับล่าง รถแบรนด์จีนเองก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ บริษัทผู้ผลิตรถแบรนด์จีนต้องเร่งยกระดับทักษะด้านนวัตกรรม โดยไม่มีทางเลือกอื่น
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะรัฐมนตรีจีนได้อนุมัติแผนพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน และรถยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่ (ปี2012-2020) โดยคณะรัฐมนตรีจีนชี้แนะว่า แนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ถูกต้องคือ เร่งวิจัยและพัฒนารถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ขณะที่ปัจจุบัน ต้องเพิ่มปริมาณการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และรถยนต์ไฮบริดแบบชาร์จแบตเตอรี่ เพื่อบรรลุเป้าหมายการผลิตรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และรถยนต์ไฮบริดจำนวน 500,000 คันภายในปี 2015 และจำนวน 5 ล้านคันภายในปี 2020 นอกจากนี้ ยังต้องลดการใช้น้ำมันของรถนั่งส่วนบุคคลให้เหลือ 6.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรภายในปี 2015 และให้เหลือเพียง 5.0 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ภายในปี 2020 เพื่อการนี้ จีนจะส่งเสริมให้บริษัทผลิตรถตั้งศูนย์วิจัย กุมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ประหยัดพลังงาน ประการที่ 2 รัฐบาลจีนจะสนับสนุนการซื้อ และใช้รถยนต์ไฮบริดด้วยการให้เงินอุตหนุน และประการที่ 3 จะสร้างสถานีชาร์จไฟสำหรับยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าตามพื้นที่ต่างๆ เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะกำหนดระเบียบการเรียกเก็บแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าด้วย และมาตรฐานการผลิตรถยนต์ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า