ศิลปะพู่กันจีนหรือซูฝ่า เป็นศิลปะที่ถือได้ว่าเก่าแก่ที่สุดและแพร่หลายไปทั่วประเทศจีนจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ซึ่งประเภทของตัวอักษรที่ศิลปินนิยมเขียนกันนั้นมีอยู่หลายแบบ เช่น ลี่ซู ข่ายซู เฉ่าซู สิงซู เป็นต้น (อ่านรายละเอียดของรูปแบบตัวอักษรจีนและพัฒนาการของอักษรจีนได้ที่ "วิวัฒนาการของตัวอักษรจีน" ซึ่งลักษณะอักษรที่แตกต่างกัน สามารถแสดงถึงอารมณ์ ความรู้สึกของศิลปิน และความหมายต่างๆ ที่แฝงอยู่ในภาพได้
แม้ว่าศิลปะแขนงนี้จะอาศัยตัวอักษรจีนเป็นเครื่องมือในการแสดงออกของศิลปิน แต่กระนั้นผู้ที่ไม่ได้มีความรู้ทางด้านภาษาจีนเลยก็สามารถที่จะซาบซึ้งไปกับความงามของศิลปะการเขียนตัวอักษรจีนได้ เนื่องจากโดยเนื้อแท้แล้วศิลปะแขนงนี้เป็นหนึ่งในศิลปะแนวแอ๊บสแตร็ก(ภาพศิลปะที่มุ่งแสดงความหมาย) เมื่อชมภาพแอ๊บสแตร็กของชาวตะวันตกนั้นเราไม่จำเป็นต้องถามว่า ภาพนี้เป็นภาพอะไร เช่นเดียวกับเมื่อชมภาพการเขียนตัวอักษรจีนก็ไม่จำเป็นต้องถามว่าตัวอักษรจีนตัวนี้คือตัวอะไรเช่นกัน โดยในสมัยถังนั้น มีผู้ได้คิดค้นคำ 120 คำเพื่อตั้งเป็นบรรทัดฐานในการอธิบายรูปแบบของศิลปะการเขียนตัวอักษรจีน โดย 15 คำแรกนั้นมีความว่า
อักษรจีนคือศิลปะที่มีทั้งความหลักแหลม,ลึกลับ,ประณีต,มั่นใจ,สมดุล, ไม่อยู่นิ่ง, มั่นคง,แข็งแกร่ง,นุ่มนวล,สุขุม,ประเปรียว, เยิ่นเย้อ, หรูหรา, สมบูรณ์, และคลาสสิกอยู่รวมกัน
ศิลปินการเขียนอักษรจีนที่มีชื่อเสียงของจีนในแต่ละยุคสมัย
หวังซีจือ (303-361) ศิลปินสมัยจิ้น มีความสามารถในการเขียนอักษรจีนระดับเทพ จนชนรุ่นหลังขนานนามว่า "เทพเจ้าแห่งอักษร" ตัวอักษรแบบสิงซูของศิลปินท่านนี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดิน และด้วยความที่เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่ง ทำให้มีตำนานที่เกี่ยวกับศิลปินท่านนี้ในเมืองจีนอยู่หลายเรื่องด้วยกัน ตำนานที่มีชื่อเสียงหนึ่งในนั้นคือเรื่อง "ห่านขาวแลกตำรา"( ไป๋เอ๋อห้วนจิงซู) โดยเรื่องเล่ามีอยู่ว่า หวังซีจือนั้นมีความเชื่อว่าการเลี้ยงห่านไม่เพียงเป็นการผ่อนคลายความเครียด แต่ท่วงท่าที่เป็นธรรมชาติโดยเฉพาะคอที่พลิ้วไหวของห่านนั้น สามารถเป็นแนวทางสร้างสรรค์ให้กับศิลปินในการเขียนตัวอักษรจีนอีกด้วย ดังนั้นเช้าวันหนึ่งขณะที่หวังซีจือและลูกชายออกไปพายเรือเล่น ได้พบเห็นห่านขาวกลุ่มหนึ่งกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างร่าเริงอยู่ที่ริมฝั่งน้ำ เขาชมภาพนั้นด้วยความดื่มด่ำและอยากจะซื้อห่านเหล่านั้นกลับบ้าน ดังนั้นเขาจึงจอดเรือเข้าไปขอซื้อห่านจากพระเต๋าที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว พระเต๋าจึงให้หวังซีจือลอกหวงตี้เน่ยจิง(ตำราแพทย์จีนโบราณ)ให้เพื่อแลกกับห่าน ซึ่งเขาก็รีบตกลงด้วยความเต็มใจ และการที่หวังซีจือ ตั้งใจขอห่านด้วยใจมุ่งมั่นเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของตนทำให้เกิดตำนานเล่าขานกันสืบมา