อินทนิล อินไชน่า :วิถีจีน..ร้อนสุดสุด คนจีนทำอะไร
  2012-07-23 17:37:52  cri

แม้ปัจจุบันจีนจะเป็นประเทศที่ทันสมัย ยิ่งใหญ่ในเวทีโลก เศรษฐกิจกำลังดีวันดีคืน แต่คนจีนส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในวิถีวัฒนธรรมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานานแสนนาน อย่างคติความเชื่อเกี่ยวกับการกินการอยู่ในช่วงร้อนสุด ๆ วันก่อนนั่งคุยเรื่องนี้กับคุณลู่จุ้นเพื่อนคนจีนเขาขยายความให้ฟังว่า

วันที่ 18 กรกฎาคม 2555 ที่ผ่านมา คนจีนถือว่าเป็นวันแรกของช่วงร้อนสุด ๆ (หน้าร้อนของจีนเริ่มจากพฤษภาคม-สิงหาคม) หรือโถเทียน ช่วงร้อนสุด ๆ นี่จะมีประมาณ 40 วัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง

ช่วงแรก โถฝู ปีนี้เริ่มจาก 18 กรกฎาคม นับไป 10 วัน วันแรกของช่วงร้อนสุด ๆ ช่วงแรกคนจีนนิยมกินเกี๊ยว ถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมาแต่โบราณกาล

ทำไมต้องกินเกี๊ยว? เขามีคำอธิบายว่า ช่วงหน้าร้อนทำให้คนเบื่ออาหาร การกินเกี๊ยวเจี่ยวจึที่รูปร่างคล้าย ๆ เงินจีนโบราณ ที่มีแป้ง หุ้มอยู่ภายนอกในใส้ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ ผักต่าง ๆ ธัญพืช และซุป จะทำให้เจริญอาหาร รับประทานได้มากขึ้น ทำให้สุขภาพฟื้นตัวกลับมาดีดังเดิม เหมือนความเป็นสิริมงคลของชีวิตกลับมาเช่นเดิมยังไงยังงั้น

เจี่ยวจึหรือเกี๊ยว ยังมีอีกชื่อหนึ่งคือ เทียฝู ฝูแปลว่าสิริมงคล ส่วนเทีย แปลว่า ปิดหรือติด เทียฝูซึ่งแปลได้ว่า มีสิริมงคลติดมา

วันที่ 18 ที่ผ่านมา ดิฉันไปสังเกตการณ์ตามตลาดและร้านเกี๊ยว ปรากฏว่า ทั้งร้านขายแผ่นเกี๊ยว ร้านขายเกี๊ยว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยอดขายเพิ่มจากปกติเท่าตัว แสดงว่าคนจีนยังยึดมั่นในคติความเชื่อที่มีมาแต่โบราณกาล

นอกจากการกินเกี๊ยวแล้ว ในช่วงร้อนสุด ๆ ช่วงแรก คนจีนจะพากันไปโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลของชุมชน เพื่อรับเอากอเอี๊ยะ ไปปิดตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อคลายร้อนและรักษาสมดุลของร่ายกาย เนื่องจากเชื่อว่า หากใช้กอเอ๊ยะปิดรักษาความสมดุลย์ของร่างกายในช่วงร้อนสุด ๆ นี้แล้ว จะสามารถป้องกันโรคที่อาจจะกำเริบขึ้นในช่วงหนาวสุด ๆ ได้ เช่นโรคระบบทางเดินหายใจ โรคปอด ไหล่ตึง เป็นต้น เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นคนจีนปิดกอเอี๊ยะ ตามไหล่ และส่วนต่าง ๆ ในร่างกายระหว่างนี้ ซึ่งมีการติดกันมาก ก็เชื่อได้เลยว่า เขารักษาสมดุลย์ของร่างกาย เพราะไม่งั้นที่จีน หนาวก็หนาวจัด ร้อนก็ร้อนจัด สาหัสไม่แพ้ที่ใด ๆ ในโลก การเตรียมร่างกายให้พร้อมรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ช่วงที่สอง เอ้อร์ฝู ประมาณ 10-20 วัน วันแรกของเอ้อร์ฝู คนจีนจะกินบ๊ะหมี่ ซึ่งก็มีที่มา เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่พืชที่ลงมือปลูกตอนต้นฤดูใบไม้ผลิสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว แป้งที่ทำบ๊ะหมี่จึงเป็นแป้งใหม่ ที่ยังมีความหอม นุ่มเนียน น่ารับประทาน จึงแนะนำให้รับประทานบ๊ะหมี่โดยเฉพาะบ๊ะหมี่น้ำจะได้คุณค่าของความสดใหม่ ทำให้ทานได้มากขึ้น แถมยังขับเหงื่อ ไล่ความร้อนออกจากร่างกายได้ด้วย

ช่วงที่สาม มีระยะเวลาประมาณ 10 วัน กินปิ่ง(แป้งทอด)กับไข่

ที่เล่ามาข้างต้นเป็นวิถีปฏิบัติของคนปักกิ่ง ในขณะที่มณฑลอื่น ๆ เขาก็มีวิถีปฏิบัติของเขาซึ่งมีทั้งเหมือนและแตกต่างจากปักกิ่ง

อย่างที่เมืองสีว์โจวที่อยู่ทางใต้ของกรุงปักกิ่งประมาณ 700 กิโลเมตร ที่นี่ในช่วงร้อนสุด ๆ เขาจะมีเทศกาล ฝูหยางเจี๊ย ร้านอาหารต่าง ๆ จะทำอาหารจากเนื้อแพะ เนื้อแกะมาขาย อุ๊แม่เจ้า กินแล้วไม่ร้อนกันไปใหญ่หรือ เพราะปกติเนื้อแพะเนื้อแกะนี่กินแล้วทำให้อุ่น มักกินกันในหน้าหนาว เหตุไฉนจึงมากินกันในหน้าร้อน อันนี่ก็มีที่มา คือเขาเชื่อว่าเอาความร้อนไปไล่ความร้อนในร่างกาย เหมือนเอาพิษไปไล่พิษในร่างกายยังไงยังงั้น

ในแง่ของนักโภชนาการจีน เขาแนะว่า อาหารที่ควรรับประทานในช่วงร้อนจัดนี้คือ ข้าว 5 อย่าง อันประกอบไปด้วย ข้าวโพด ข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวฟ่างและถั่วต่างๆ เพราะในอาหารเหล่านี้เต็มไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์(เส้นใย) คาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 สี เพราะอาหารแต่ละสีให้ประโยชน์ในการบำรุงอวัยวะต่าง ๆ ไม่เหมือนกัน คือ

อาหารสีดำบำรุงไต สีแดงบำรุงหัวใจ สีเหลืองบำรุงม้าม สีขาวบำรุงปอด และอาหารสีเข้มบำรุงตับ

นอกจากความร้อนจากแสงอาทิตย์แล้ว ความร้อนจากอาหารก็อาจจะทำให้เราร้อนรุ่มเพิ่มขึ้นได้อีก เพราะงั้น ก่อนกินต้องดูเหมือนกันว่าอาหารชนิดนั้นเป็นหยิน(ร้อน)หรือหยาง(เย็น) เพื่อจะทำให้สิ่งที่เรากินเข้าไปไม่ไปเพิ่มความร้อนให้ร่างกายมากยิ่งขึ้น แต่ท่านว่าไหม ร้อนกายน่ะ ยังไง ยังไง ก็ไม่เท่าร้อนใจ เพราะร้อนใจน่ะ บางทียิ่งกว่าไฟจี้ซะอีก

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040