ผลวิจัยของผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า การเดินเที่ยวห้างหรือร้านขายของยังสามารถป้องกันสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ด้วย นักวิชาการของมหาวิทยาลัยสิงคโปร์เคยดำเนินการวิจัยโดยสำรวจกลุ่มคนอายุ 55 - 92 ปี จำนวน 1,635 คนเป็นเวลาสองปีพบว่า การเดินเที่ยวห้างและร้านขายของ การเตรียมอาหาร การอ่านหนังสือและฟังดนตรีจะทำให้สามารถชะลอการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ 60% แต่กิจกรรมออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ วิ่ง ป้องกันได้เพียง 20 %
ดังนั้น การไปช้อปปิ้งสำหรับผู้หญิงจะมีผลได้มากกว่าผลเสีย แต่ต้องระวังอย่าถือข้ออ้างนี้ไปซื้อของที่ไม่จำเป็นอย่างระงับไม่ได้ อย่าปล่อยให้ตนเองกลายเป็นผู้ที่มีอาการคลั่งไคล้การช้อปปิ้ง โดยมุ่งหาความสุขในระหว่างการซื้อมากกว่าผลที่ซื้อมา
บางคนเป็นหนักถึงขนาดเรียกได้ว่าเป็นโรคบ้าช้อปปิ้งและรู้สึกว่า การมีเงินและการได้ช้อปปิ้งเป็นยาเสพติดสำหรับเขาเลยทีเดียว เพราะทุกครั้งที่ได้ใช้เงินซื้อของก็จะทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลาย รู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจอยู่ในฐานะควบคุมสิ่งต่างๆได้ ความสุขชั่ววูบนั้นผ่านพ้นไปแล้วก็มักจะนั่งโทษตัวเองด้วยความเสียใจเสียดายกับเงินที่เสียไปแทบทุกครั้ง
นักวิจัยกล่าวว่า การเสพติดช้อปปิ้งนั้นมีหลายรูปแบบ บางคนขอแค่ให้ได้เข้าไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ก็สามารถเดินดูของได้นานเป็นชั่วโมงๆ เป็นวันๆ และบางคนจะรู้สึกตื่นเต้น หรือมีอารมณ์สดใสซาบซ่าทุกครั้งที่ได้ซื้อของ บางรายมีอาการนอนไม่หลับจนกว่าจะได้ซื้อสินค้ากลับมา ส่วนใหญ่เป็นพวกเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าและเครื่องสำอางค์
และมีไม่น้อยที่รู้สึกเสียใจและความสุขก็หายไปในภายหลัง เพราะของที่ซื้อมา ไม่ใช่ของที่จำเป็น ส่วนใหญ่แทบไม่ได้ใช้อะไร หรือบางอย่างที่บ้านก็มีอยู่แล้วคล้ายๆกัน แถมยังไม่ได้แกะป้ายราคาก็มี ความรู้สึกเสียดายเงินทำให้ต้องโทษตัวเองและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ซื้ออีกแล้ว แต่ครั้งต่อไปก็ยังอดใจไม่ได้ เรื่องทำนองเดียวกันจึงหมุนเวียนเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จิตแพทย์ระบุว่า โรคบ้าซื้อนี้เกิดขึ้นได้ทั้งกับคนที่มีรายได้สูง และรายได้ต่ำ แต่ไม่ว่าจะเกิดกับใคร ก็ส่งผลให้ไม่มีเงินออมมาลงทุน และยังนำไปสู่การเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวทั้งในรูปบัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคลอีกด้วย
ผู้เชี่ยวชาญบางท่านยังเชื่อว่า อาการเสพติดการช้อปปิ้งนั้น มักมีสาเหตุมาจากหลายด้านด้วยกัน เช่น เกิดในครอบครัวที่มีรายได้สูง ทำให้ติดนิสัยใช้เงินเก่งตั้งแต่เด็ก ชอบซื้อของแพงๆจนเคยตัว เวลาซื้อไม่รู้จักยั้งคิดว่าจำเป็นหรือเปล่า คิดแต่ว่าเกิดมาเพื่อช้อป เพื่อซื้อความสุขใส่ตัว
นอกจากนี้ พวกที่มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ แต่มีความเครียดและความวิตกกังวลสูง ก็อาจหาทางระบายความเครียดให้กับตัวเองด้วยการซื้อของประเภทสวยๆงามๆ หรือออกแนวแฟชั่นทันสมัย โดยคิดไปว่า คุณค่าของมนุษย์นั้นอยู่ที่การได้เป็นเจ้าของสิ่งมีค่าทั้งหลาย ไม่ซื้อก็ไม่สนุกไม่มีความสุข
ซึ่งอาการคลั่งไคล้การช้อบปิ้งได้ถูกกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในตำราของนักจิตวิทยาชาวเยอรมันในปี 1915 แต่ก็ไม่ได้มีการศึกษาเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง และยังไม่เป็นที่ทราบกันแน่ชัดว่า มีผู้ที่เป็นโรคบ้าช้อปปิ้งอยู่จำนวนมากน้อยเท่าไหร่
ซึ่งนักจิตแพทย์ได้ให้คำแนะนำว่า สำหรับผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคบ้าซื้อนั้น ควรฝึกตนเองให้มีวินัยในการใช้เงิน ก่อนอื่น ต้องรู้จักระงับปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง รู้จักควบคุมตัวเอง โดยใช้วิธีออกกำลังกายเพื่อคลายความเครียดแทนการไปซื้อของ และพยายามใช้ชีวิตอย่างมีสติ พยายามหลีกเลี่ยงไปเดินห้างร้านต่างๆ เพื่อไม่ให้ตนเองคิดถึงเรื่องซื้อของ
หลังจากนั้น ก็พยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบการซื้อของ เพราะผู้ที่มีอาการเสพติดการช้อปปิ้งนั้นส่วนใหญ่มักจะรู้สึกเสียใจในภายหลัง ดังนั้น ต้องมีแผนการซื้อเป็นรายละเอียด เช่น วางแผนเอาไว้เลยว่า แต่ละเดือนค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้าและค่าใช้จ่ายการเดินทางนั้นจะเป็นเท่าไร หาวิธีจัดการกับเงินในกระเป๋าอย่างถูกวิธี ก่อนซื้อใช้สมองคิดทบทวนดูก่อนว่าจำเป็นหรือเปล่า พยายามจดบัญชีการซื้อของทุกครั้ง ถ้าจะให้ดีก็ทำลายบัตรเครดิตทิ้งไปซะเปลี่ยนมาชำระเงินด้วยเงินสดแทนและหลีกเลี่ยงการเข้าห้างสรรพสินค้า เมื่อฝึกตนเองให้มีวินัยในการใช้เงินแล้ว การไปซื้อของก็จะกลายเป็นเรื่องที่มีแต่ความสุขและเป็นผลดีต่อสุขภาพทั้งกายและใจได้อย่างไม่มีใครต้องทุกข์ร้อนแน่นอน