เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา สถานทูตจีนประจำประเทศไทยจัดงานให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว โดยมีนายกวั่น มู่ เอกอัครราชทูตตอบคำถามของผู้สื่อข่าวไทยเกี่ยวกับการพัฒนาของภูมิภาคและความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทย เขากล่าวว่า เอกลักษณ์ของความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทยคือ เคารพแก่กัน สนับสนุนกัน เชื่อถือกัน และร่วมมือกัน หลังผ่านความพยายามร่วมกันมาหลายปีของรัฐบาลและวงการต่างๆ สองประเทศได้สร้างความร่วมมือที่มีคุณภาพสูงทุกด้านอย่างลึกซึ้ง จีนรู้สึกพอใจในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
นายกวั่น มู่ กล่าวว่า "จีนเป็นตลาดใหญ่อันดับหนึ่งของไทย เมื่อปีที่แล้ว ยอดการค้าแบบทวิภาคีคิดเป็น 67,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 22% การไปมาหาสู่ทางวัฒนธรรม (ของสองประเทศ) มีความใกล้ชิดยิ่ง การแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ และระดับต่างๆ มีอยู่เสมอ อีกเรื่องที่น่ายินดีคือ คนจีนที่มาเที่ยวไทยมีจำนวนมาก และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาขึ้นอีก ซึ่งการท่องเที่ยวไม่เพียงแต่มีความหมายทางเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังเป็นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม มีส่วนช่วยเพิ่มความเข้าใจ และความเชื่อถือกันอีกด้วย หลายปีมานี้ เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสนใจอย่างยิ่ง และร่วมกันส่งเสริม การท่องเที่ยวระหว่างจีนกับไทยจึงพัฒนาอย่างราบรื่น"
นายกวั่น มู่ กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนและความร่วมมืออย่างฉันมิตรระหว่างจีน-ไทยยังมีโอกาสการพัฒนาใหม่ๆ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงของไทยที่กำลังอยู่ในแผนการก่อสร้างก็จะเป็นแบบฉบับของความร่วมมือในวงการใหม่ระหว่างจีน-ไทย เขากล่าวว่า "จีนกับอาเซียนกำลังผลักดันการเชื่อมถึงกันและการติดต่อกัน โดยเรื่องแรกที่ทำได้ก็คือ การเชื่อมกันทางบก ด้วยเพราะเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนสร้างขึ้นเมื่อปี 2010 และเป็นเขตการค้าเสรีที่มีประชากรมากที่สุดในโลก อยู่ในภาวะที่กำลังจะพัฒนาดีขึ้นและสูงขึ้นในปัจจุบันนี้ การสร้างรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เรายินดีที่จะร่วมมือกับวงการต่างๆ ของไทยอย่างใกล้ชิด และพยายามดำเนินโครงการนี้อย่างดี"
นายกวั่น มู่ กล่าวในที่สุดว่า ในฐานะเป็นประเทศที่มีอิทธิพลมากที่สุดบนคาบสมุทรอินโดจีน ไทยมีบทบาทสำคัญในกระบวนการพัฒนาการติดต่อและการเชื่อมกันระหว่างจีนกับอาเซียน ส่วนในด้านการผดุงสันติภาพและรักษาความมั่นคงส่วนภูมิภาคในอนาคต จีนกับไทยย่อมจะร่วมมือและประสานงานกันอีกต่อไปอีกมากมาย
Ton/Ldan