สื่อมวลชนฟิลิปปินส์อ้างข่าวจากเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของทำเนียบประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมาว่า เนื่องจากมีความเห็นทางการทูตแตกต่างกับทำเนียบประธานาธิบดี นายอัลเบิร์ต เดล โรซารีโอ รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์รู้สึกผิดหวัง และคิดจะลาออกจากตำแหน่ง แต่วันเดียวกัน ทำเนียบประธานาธิบดีปฏิเสธเรื่องนี้ทันที
นายโรซารีโอปีนี้อายุ 72 ปี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจากนายเบนิโญ อาคิโน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เดิมเป็นนักธุรกิจ เคยดำรงตำแหน่งเป็นซีอีโอ ประธานคณะกรรมการ และที่ปรึกษาของบริษัทต่างๆ ก่อนดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เคยเป็นเอกอัครราชทูตฟิลิปปินส์ประจำสหรัฐฯ ระหว่างปี 2001-2006 ซึ่งเป็นประวัติการทำงานที่เกี่ยวกับการทูตเพียงอย่างเดียว
นอกจากเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำสหรัฐฯ แล้ว นายโรซารีโอมีความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ อย่างแน่นแฟ้น เพราะเคยอพยพไปอยู่สหรัฐฯตามครอบครัวตั้งแต่เด็ก รับการศึกษาที่นครนิวยอร์ค เรื่องนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขามักจะมีคำพูดสนับสนุนสหรัฐฯ
ในเหตุการณ์เกาะหวงเหยียน นายโรซารีโอมีท่าทีแข็งกร้าว มักจะมีคำพูดรุนแรง ที่เด่นชัดคือ เดือนพฤษภาคมปีนี้ เขากล่าวว่า ฟิลิปปินส์ต้องการเรือลาดตระเวน เรือบรรทุกเครื่องบิน ระบบเรดาร์และอุปกรณ์ควบคุมตรวจสอบชายแดนทางทะเลที่ทันสมัยของสหรัฐฯ เพื่อพิทักษ์อธิปไตยของฟิลิปปินส์ในน่านน้ำทะเลจีนใต้ และต่อสู้กับประเทศจีน กล่าวได้ว่า คำพูดดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งกร้าวและความสนิทแน่นแฟ้นกับสหรัฐฯ
อนึ่ง นายโรซารีโอถูกสงสัยว่ามีส่วนพัวพันกับสิทธิและผลประโยชน์บางส่วนในเหตุการณ์เกาะหวงเหยียน เนื่องจากเขาเคยเป็นที่ปรึกษาของบริษัทน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าสธรรมชาติแห่งหนึ่ง ส่วนบริษัทแห่งนี้ได้เข้าร่วมการแย่งชิงทรัพยากรน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าสธรรมชาติของจีนในทะเลจีนใต้อย่างมิชอบด้วยกฎหมาย สื่อมวลชนจึงเห็นว่า เขามุ่งที่จะพิทักษ์ผลประโยชน์ของบริษัทแห่งนี้
แม้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ตกอยู่ในภาวะชะงักงันมาชั่วขณะแล้ว กระทรวงการต่างประเทศที่นำโดยนายโรซารีโอกลับไม่มีการกระทำใดเพื่อคลี่คลายภาวะดังกล่าว
(Ton/Ping)