เมื่อเร็วๆ นี้ การประชุมพัฒนาและการค้าสหประชาชาติประกาศรายงานระบุว่า ครึ่งแรกของปี 2012 จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่บรัษัทต่างประเทศนิยมไปลงทุนโดยตรงมากที่สุด
รายงานฉบับนี้ระบุว่า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมเพิ่มสูงขึ้น บริษัทข้ามชาติจำนวนมากได้ใช้ท่าทีมองดูต่อการลงทุนในต่างประเทศ ครึ่งแรกของปีนี้ยอดเงินลงทุนในต่างประเทศลดลง 8% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ในจำนวนนี้เงินลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนในสหรัฐฯ โดยตรงลดลงอย่างเห็นได้ชัด เป็นมูลค่า 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ประเทศกลุ่มบริคซึ่งรวมทั้งจีน รัสเซีย อินเดีย บราซิลและแอฟริกาใต้ก็มีปรากฏการณ์ที่เงินลงทุนจากต่างประเทศลดน้อยลง โดยลดลง 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีที่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ จีนมีเงินลงทุนจากต่างประเทศโดยตรงมากกว่าครึ่งหนึ่งของการลงทุนในต่างประเทศโดยตรงทั่วโลก โดยเฉพาะในครึ่งแรกของปีนี้จีนมีเงินทุนจากต่างประเทศโดยตรง 59,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่าได้ลดน้อยลง 3% แต่ยังมากกว่าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่บริษัทต่างประเทศนิยมไปลงทุนมากที่สุด
(Yim/zheng)