หลังจากชนะการเลือกตั้งอย่างยากลำบาก นายบารัค โอบามาจะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาต่ออีกสมัยหนึ่ง นักวิเคราะห์เห็นว่า ถึงแม้ประสบความสำเร็จในการครองอำนาจต่อเป็นที่เบิกบานใจของนายบารัค โอบามา แต่เขากำลังเผชิญกับการท้าทายที่เข้มงวดและยากลำบากอยู่มากมาย โดยเฉพาะความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นจากวิกฤตการคลัง วิธีการรับมือกับปัญหาหนี้สินของรัฐบาลกลางสูงเกินเพดาน เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐสภาสหรัฐฯที่ยังคงมีความแตกแยกหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ก็จะสร้างอุปสรรคที่หลีกเลี่ยงไม่ได้มาให้นายโอบามาต้องหาวิธีรับมือกับการท้าทายดังกล่าว
ในวาระผู้นำสหรัฐฯสมัยใหม่ วิกฤตแรกที่นายโอบามาต้องเผชิญหน้า็คือ นโยบายการลดภาษีที่เริ่มดำเนินการโดยรัฐบาลของนายจอร์จ ดับเบิลยู บุชจะถึงวันหมดอายุก่อนสิ้นปี 2012 นโยบายลดภาษีฉบับนี้มีผลต่อภาษีรายได้ส่วนบุคคล ภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สิน(Capital Gains Tax) ภาษีเงินปันผล(Dividend Tax) ฯลฯ ถ้ารัฐสภาสหรัฐฯไม่ใช้ปฏิบัติการ คาดว่าภาษีที่เก็บเพิ่มใหม่ในปี 2013 จะมีมากกว่า 4 แสนล้านดอลลาห์สหรัฐ ซึ่งย่อมจะกระทบความกระตือรือร้นการบริโภคของประชาชน ส่วนวิกฤตที่จะปะทุขึ้นต่อจาก "นโยบายลดภาษีของรัฐบาลบุชหมดวาระ" คือ กลไกลดการขาดดุลโดยอัตโนมัติจะเริ่มดำเนินการในต้นปี 2013 ส่งผลให้งบประมาณด้านรายจ่ายของรัฐบาลสหรัฐฯลดน้อยลงประมาณ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ
วิกฤตที่สามของประธานาธิบดีโอบามาคือ กระทรวงการคลังสหรัฐฯคาดว่า ยอดมูลค่าหนี้สินของรัฐบาลจะสูงถึง 16.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐซึ่งเป็นเพดานหนี้สินในปลายปี 2012 นอกจากนี้ นายบารัค โอบามาเคยให้คำมั่นสัญญาถึงสองครั้งในการรณรงค์การเลือกตั้งว่า จะผลักดันการปฏิรูปนโยบายผู้อพยพในทั่วทุกด้านหากประสบความสำเร็จในการครองอำนาจต่อ
Yim/feng