เมื่อ 2 ปีก่อน เศรษฐกิจสิงคโปร์ดำเนินไปด้วยดี อัตราเติบโตของจีดีพีในปี 2010 สูงถึง 14.7% อย่างไม่เคยมีมาก่อน เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์พัฒนาอย่างคึกคัก โดยมีราคาเพิ่มขึ้น 2 เท่า ในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อปี 2012 อัตราเติบโตของจีดีพีลดลงเหลือเพียง 2% เท่านั้น ขณะที่ราคาบ้านแพงขึ้นประมาณ 20% เพิ่มขึ้นเร็วกว่าการเติบโตของจีดีพีและรายได้ของประชาชนอย่างมาก รัฐบาลจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการควบคุม ส่วนการประกาศควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครั้งนี้เน้นการยับยั้งการซื้อบ้านที่รัฐบาลลงทุนก่อสร้างสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเพื่อเก็งกำไร ด้วยการเพิ่มอากรแสตมป์ของฝ่ายขาย จำกัดระยะเวลาการคืนเงินกู้ไม่ให้เกิน 35 ปี ตลอดจนมาตรการอื่นๆ เพื่อประกันให้ผู้ที่มีรายได้น้อยสามารถซื้อบ้านราคาถูกได้
เมื่อปี 1960 สิงคโปร์เพิ่งได้รับเอกราช สังคมค่อนข้างล้าหลัง รัฐบาลมีกำลังทรัพย์ไม่มาก ประชาชนทั่วไปมีบ้านอยู่อาศัยในสภาพที่ไม่ค่อยดี นายลี กวนยู ผู้นำสิงคโปร์ในยุคนั้นตั้งเป้าหมายไว้ว่า "ต้องทำให้ชาวสิงคโปร์มีบ้านอยู่อาศัยที่เป็นของตัวเอง" และเริ่มดำเนินนโยบายสร้างบ้านสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยกำหนดว่า พลเมืองสิงคโปร์เมื่อแต่งงานแล้วล้วนมีสิทธิ์ซื้อบ้านแบบนี้ จนถึงทุกวันนี้ ได้กลายเป็นระบบสำคัญต่อการรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของสังคมสิงคโปร์