เมือเร็วๆ นี้ ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยออกงานวิจัยโดยรายงานว่า ในปี 2013 เศรษฐกิจจีนจะก้าวสู่เส้นทางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนได้รับอานิสงส์จากการนี้ คาดว่า ปัจจัยดังกล่าวจะหนุนให้อัตราเติบโตในการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดจีนพลิกกลับมาอยู่ที่ 13% เมื่อเทียบเป็นรายปี และยอดมูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปยังจีนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
งานวิจัยของศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยฉบับนี้ระบุว่า เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 4 เริ่มพ้นจากจุดต่ำสุด และปรากฎอัตราเร่งเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจจีนทั่วทั้งปี 2012 สามารถมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 7.8% อันมีส่วนหนุนนำการส่งออกของไทยไปจีนสามารถพลิกกลับมาขยายตัวติดกัน 2 เดือนสุดท้ายของปี 2555 และทำให้ยอดส่งออกสินค้าไทยไปจีนทั้งปีมีมูลค่า 26,899 ล้านดอลลาร์ เติบโตร้อยละ 2.5
งานวิจัยของศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยฉบับนี้ยังระบุว่า สินค้าเด่นของไทยที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ได้แก่ สินค้าส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนประกอบยานยนต์ เคมีภัณฑ์ มันสำปะหลัง และผลไม้ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยธนาคารกสิกรไทยเห็นว่า กระบวนการกระจายความเป็นเมืองของจีนเป็นปัจจัยหนุนอีกประการหนึ่งที่ช่วยผลักดันสินค้าบริโภคไทยเข้าสู่ดินแดนชั้นในและเขตชนบทของจีน ขณะเดียวกัน วัตถุดิบการผลิตและสินค้ากึ่งสำเร็จรูปของไทยก็จะได้อานิสงส์จากการดำเนินนโยบายกระจายความเป็นเมืองของจีนเช่นกัน โดยจะเกาะติดผู้ประกอบการภาคการผลิตของจีนขยับตัวจากเมืองเศรษฐกิจทางภาคตะวันออกของจีนไปยังเมืองระดับรองซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ทางภาคตะวันตกของจีน ซึ่งจะเป็นหนการขยายตลาดการส่งออกของไทยให้มากขึ้น ด้วยสาเหตุดังกล่าว กระบวนการความเป็นเมืองของจีนจะเป็นโอกาสใหม่สำหรับนักธุรกิจไทยในการบุกตลาดจีน
อย่างไรก็ตาม ตลาดจีนที่มีขนาดใหญ่และกลุ่มนักธุรกิจหลากหลาย ทำให้การเข้าสู่ตลาดจีนอาจเผชิญการแข่งขันจากทั้งนักธุรกิจท้องถิ่นและต่างชาติ รวมทั้งต้องแข่งขันกันในเชิงกลยุทธ์ทางการตลาดจับกลุ่มลูกค้าที่มีความเฉพาะตัวในแต่ละพื้นที่ ซึ่งผู้ประกอบการควรพัฒนาสินค้าโดยคำนึงถึงคุณภาพสินค้าและกำหนดกลยุทธ์ด้านราคาที่เหมาะสม เนื่องจากผู้บริโภคในจีนยังมีความอ่อนไหวต่อราคาอยู่มาก
(YING/cai)