แถลงการณ์ดังกล่าวระบุอีกว่า ต้องถือการปรับเปลี่ยนบทบาทเป็นภาระหน้าที่สำคัญ ลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลให้น้อยลง กระจายอำนาจให้หน่วยงาน ผลักดันการปฏิรูปโครงสร้างของรัฐบาล ปรับปรุงให้กลไกการทำงานของรัฐบาลให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ยกประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลให้สูงขึ้น ผลักดันการปฏิรูปเพื่อรวมกระทรวงเล็กเป็นกระทรวงใหญ่ การปฏิรูปครั้งนี้นับเป็นการปฏิรูปโครงสร้างของรัฐบาลจีนครั้งที่ 7 ตั้งแต่เมื่อปี 1982 เป็นต้นมา
นายจู๋ ลี่เจีย ศาสตราจารย์ของสถาบันการบริหารประเทศแห่งชาติจีนเห็นว่า การปฏิรูปเพื่อรวมกระทรวงเล็กให้เป็นกระทรวงใหญ่นั้นจะเป็นการปรับปรุงขนาดเล็กจากพื้นฐานการปฏิรูปของปี 2008 ซึ่งจะเน้นการปรับเปลี่ยนบทบาทของรัฐบาลเป็นสำคัญ การรวมกระทรวงเล็กเป็นกระทรวงใหญ่จะทำให้เกิดศักยภาพมากขึ้นในด้านการสร้างหลักประกันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เสริมการบริหารสังคมและการบริการสาธารณะ ลดอำนาจซ้ำซ้อนของหลายหน่วยงานหรืองานบางด้านที่ไม่มีหน่วยงานรัฐบาลกำกับดูแลจนเพิ่มบทบาทและภาระหน้าที่ของรัฐบาลมากขึ้นให้น้อยลง
นายจู๋ ลี่เจียกล่าวว่า การปฏิรูปครั้งนี้จะกำหนดหน่วยงานรัฐบาลที่มีสิทธิและภาระหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ปฏิบัติตามนโยบายและตรวจสอบการทำงานอย่างชัดเจน ครั้งนี้จะปรับปรุงหน่วยงานที่กำหนดนโยบายและตรวจสอบก่อน แล้วจะปรับปรุงหน่วยงานปฏิบัติหน้าที่และองค์กรที่สังกัดโดยตรงกับรัฐบาล ซึ่งองค์กรเหล่านี้เป็นวิชาชีพในระดับสูง มีภาระหน้าที่บริการสังคม ซึ่งต้องค่อยปรับปรุงทีละแห่ง
นายจู๋ ลี่เจียเห็นว่า สังคมยุคปัจจุบันต้องการองค์กรรัฐบาลที่เป็นมืออาชีพ ที่สำคัญคือแต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง สามารถใช้อำนาจและความรับผิดชอบที่เหมาะสม เมื่อเกิดปัญหาจึงจะทราบว่าควรให้ใครรับผิดชอบ ด้วยเหตุนี้ การปฏิรูปครั้งนี้ต้องเน้นการพัฒนาทางด้าน "ซอฟต์แวร์" ไม่ใช่เพียงแค่รวมองค์กรเฉยๆ
Ton/Dan