การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือจีน-อาเซียนครั้งที่ 14 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-15 มีนาคมนี้ที่กรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ต่อการนี้ นางหยาง ซิ่วผิง เอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ โดยกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีครบรอบ 10 ปีแห่งการสร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีน-อาเซียน การประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือจีน-อาเซียนครั้งที่ 14 และเป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการร่วมในปีนี้ จึงมีความหมายสำคัญเป็นพิเศษ

นางหยาง ซิ่วผิง เอกอัครราชทูตจีนประจำอาเซียนคนแรกกล่าวว่า จีนเป็นประเทศแรกที่ได้สร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์กับอาเซียน รอบ 10 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-อาเซียนมีแนวโน้มการพัฒนาอันดี และประสบผลคืบหน้าในความร่วมมือด้านต่างๆ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ตลอดจนกิจการระดับภูมิภาคและระดับโลกด้วย นอกจากนี้ จีนยังได้สร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนและความร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิกอาเซียนด้วย ผู้นำจีนและผู้นำของกลุ่มประเทศอาเซียนมีการไปมาหาสู่กันบ่อยครั้ง ในวาระครบรอบ 15 ปี และ 20 ปีแห่งการสร้างความสัมพันธ์คู่เจรจาจีน-อาเซียน ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดการประชุมสุดยอดเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์นี้ ได้ประสบความสำเร็จอย่างเป็นที่น่าพอใจ ทั้งสองฝ่ายยังได้สร้างเขตการค้าเสรี ซึ่งนับเป็นเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ยอดมูลค่าการค้าระหว่างกันได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 54,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2002 มาเป็น 400,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2012 ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่วนยอดการลงทุนต่อกันมีมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบัน จีนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับแรกของอาเซียน ส่วนอาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับที่ 3 ของจีน สำหรับเที่ยวบินที่บินระหว่างจีนและกลุ่มประเทศอาเซียนมีกว่า 1,000 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เมื่อปีที่แล้ว บุคคลที่ไปมาหาสู่กันระหว่างสองฝ่ายมีกว่า 15 ล้านคน ส่วนนักศึกษาที่ไปเรียนในประเทศอีกฝ่ายมีจำนวนประมาณ 170,000 คน ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายในด้านต่างๆ เช่น กิจการทางทะเล วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การศึกษา สาธารณสุข และวัฒนธรรมล้วนได้รับผลคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

นางหยาง ซิ่วผิง กล่าวว่า ช่วงหลายปีข้างหน้าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับการสร้างประชาคมอาเซียน และการพัฒนาสังคมมีกินมีใช้ของจีน จีนและอาเซียนจึงต้องเร่งขยาย และยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย ซึ่งจากรายงานของการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 18 และรายงานกิจการรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวต่อการประชุมสองสภาในปีนี้ล้วนเน้นย้ำว่า จีนจะดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่เป็นมิตรกับประเทศรอบข้าง และสร้างความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนกับประเทศรอบข้าง อีกทั้งยังเน้นย้ำว่า การพัฒนาของจีนต้องเป็นประโยชน์ต่อประเทศรอบข้าง ทั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนามิตรสัมพันธ์ และความร่วมมือที่อำนวยประโยชน์แก่กันกับประเทศรอบข้าง

(TON/cai)