เมื่อเร็วๆ นี้ มีนักศึกษาคนหนึ่งเขียนในเหวยโบ๋ว่า เพื่อนร่วมชั้นกำลังทำการบ้าน และเปิดวีดีโอแชทกับแฟนทางคอมพิวเตอร์ ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันแต่กลับทำการบ้านและอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นมาดูแฟนสักวินาที แล้วก็กลับอ่านหนังสือต่อไป นี่คือความรักจริงๆ ซึ่งไม่จำเป็นที่สองคนต้องไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน พูดคำหวานๆให้ฟัง หรือกุมมือกันทุกวัน แต่เป็นความรู้สึกที่อยากเป็นคนดีขึ้นเพื่อแฟนของตัวเอง
เหวยโบ๋ชิ้นนี้เผยแพร่และได้รับความนิยมบนเว็บไซต์อย่างรวดเร็ว และทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตต่างให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นของตนเอง บางคนชื่นชมว่า สองคนนี้ทำให้เห็นถึง "ความรักของผู้รักเรียน" บางคนก็บอกว่า ทำให้นึกถึงความทรงจำที่สวยงามของตนเองในอดีต บางคนก็กล่าวอวยพรและกล่าวว่า เพียงแต่คุณเชื่อ คุณก็ได้รับสิ่งที่คุณเชื่อ ท้ายที่สุด คนดีสองคนก็ต้องอยู่ด้วยกัน จึงต้องเพียรพยายามให้ก้าวหน้าดีขึ้น ความพยายามทำให้จิตใจเข้มแข็ง จึงจะมีกำลังใจไปบอกคนรักว่า ฉันรักเธอ ความรักไม่ใช่แค่การพึ่งพากัน แต่ต้องพยายามร่วมกันเพื่อเดินไปในหนทางเดียวกันในอนาคต
ปัจจุบัน การพัฒนาของสังคมทำให้คนจีนจำนวนมากต้องอยู่ไกลจากบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหนังสือหรือการทำงานต่างมณฑลไปจนถึงต่างประเทศ ทำให้คู่รักต้องห่างกันไปมากยิ่งขึ้น จึงกลายเป็นคำยามใหม่ที่เรียกว่า 异地恋(อี้ตี้เลี่ยน)异地ก็คือต่างที่ 恋ก็คือความรัก ซึ่งคำนี้ก็จะมีหมายความว่า ความรักที่คู่รักต้องแยกกันอยู่ต่างสถานที่กัน
ปัจจุบัน เราสามารถเห็นภาพคู่รักจำนวนมากมายที่อยู่ต่างสถานที่กันในจีน ซึ่งมีสาเหตุหลายด้าน
ด้านแรกคือ คนจีนนิยมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดังๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกก็คือ คนส่วนใหญ่ไม่ยอมอยู่แต่ในบ้านเกิดเท่านั้น โดยเฉพาะคนจากเมืองที่ด้อยพัฒนาหรือชนบท คนส่วนใหญ่จะคิดว่า การออกไปทำงานที่เมืองใหญ่ ตลอดจนต่างประเทศจะถือว่าเป็นการเติบโตก้าวหน้าได้ดี และทำให้พ่อแม่รู้สึกภาคภูมิใจ อย่างเช่นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วยมณฑลจี๋หลิน มณฑลเฮย หลงเจียงและมณฑลเหลียวหนิงรวมเป็นสามมณฑลภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งในสามมณฑลนี้ มณฑลเหลียวหนิงถือว่าร่ำรวยมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้กับทะเล ส่วนมณฑลจี๋หลินและมณฑลเฮย หลงเจียง แม้ว่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ก็ยังพัฒนาล่าช้ากว่ามณฑลต่างๆ ของภาคกลางของจีน แต่มีประชากรมาก เพราะฉะนั้น ชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือมักชอบจากบ้านเกิดไปเมืองใหญ่ซึ่งเลือกกรุงปักกิ่งมากที่สุด เพราะกรุงปักกิ่งก็ถือว่าอยู่ภาคเหนือของจีน เป็นเมืองใหญ่ที่ใกล้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือมากที่สุด อีกทั้งยังเป็นเมืองหลวงด้วย ชาวบ้านจากพื้นที่ดังกล่าวจึงชอบมาทำงานหรือเรียนหนังสือที่กรุงปักกิ่ง เพื่อได้รับการศึกษาที่ดี หรือได้โอกาสการทำงานมากขึ้น ส่วนคนที่เรียนหรือทำงานที่ต่างประเทศ ก็ทำให้ผู้คนยิ่งรู้สึกว่าจะมีอนาคตอันสดใสมากขึ้นเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องจากเพื่อนๆ ครอบครัวและแฟน
สาเหตุอีกด้านหนึ่งก็คือ ปัจจุบัน จีนมีประชากรตั้ง 1,300 ล้านคน แต่โอกาสการทำงานยังมีน้อยมาก การหางานทำจึงถือว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบาก เพราะฉะนั้น คนที่ไม่สามารถได้งานทำในบ้านเกิด ก็ต้องออกมาหาโอกาสการมีงานทำหรือไม่ก็ไปศึกษายังต่างประเทศ เพื่อหวังจะได้งานหลังจบจากการศึกษาในระดับสูงกว่า โดยเฉพาะในมหาวิทยาลัย ซึ่งมีนักศึกษาจากทั่วประเทศ พอจบแล้วก็อาจจะไม่สามารถทำงานอยู่ในเมืองเดียวกัน จึงทำให้คู่รักมากมายอยู่ต่างที่ในปัจจุบัน
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบอกว่า คู่รักอยู่ต่างที่ต้องมีความรักที่ลึกซึ้งกว่าคนอื่น เพราะการรักษาความรักทางไกลต้องใช้ความอดทนมากกว่า ถ้ายืนหยัดได้ถึงที่สุด ก็จะได้รับผลที่น่าชื่นใจมากเช่นกัน ภาพถ่ายดังกล่าวนี้พอเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ตก็ทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตต่างซาบซึ้งใจ ต่างพากันเรียกว่าเป็น "ความรักของผู้รักเรียน" เพราะมีคนจำนวนน้อยมากที่จะสามารถมุ่งมั่นทั้งการเรียนและความรักทางไกลไปพร้อมกัน ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในช่วงนี้ หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ซึ่งเป็นสื่อมวลชนสำคัญของจีนก็ออกมาชื่นชมว่า นี่เป็นความรักจริงๆ ไม่เพียงแต่ดูแลกันเท่านั้น ยังพยายามที่จะหาหนทางก้าวหน้าร่วมกันอีกด้วย
ภายถ่ายดังกล่าวบนอินเตอร์เน็ตโดยนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเสฉวน นักศึกษาชายในภาพถ่ายก็เป็นเพื่อนในห้องพักเดียวกัน แซ่เฉิน และแฟนของเขาอยู่ในเมืองจ้านเจียง มณฑลกว่างตง แต่มหาวิทยาลัยเสฉวนอยู่ที่เมืองเฉิงตู โดยสองเมืองนี้มีระยะทางไกลกันกว่า 1,560 กิโลเมตร ถ้านั่งรถไฟต้องใช้เวลาประมาณ 1 วันกับอีก 8 ชั่วโมง สาเหตุที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วบนอินเตอร์เน็ตครั้งนี้นั้นนักศึกษาชายแซ่เฉินปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ตลอดจนไม่อยากเปิดเผยชื่อจริงของตนเอง และไม่กล่าวถึงความรักของเขาเพียงแต่กล่าวว่า เขาเป็นเพียงนักศึกษาคนหนึ่ง เขาอยากให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และยังคงตั้งใจเรียนต่อไป ซึ่งยิ่งทำให้ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตรู้สึกนับถือและชื่นชมมาก
ความจริงแล้ว ความรักทางไกลค่อยๆ กลายเป็นเรื่องธรรมดา และไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในประเทศจีนเท่านั้น ก็เกิดขึ้นในต่างประเทศเช่นกัน แม้ว่าบางคนสามารถตัดสินใจปฏิเสธโอกาสที่สดใส แต่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกทิ้งความรักเพื่อไปแสวงหาความฝันและชีวิตที่ดีขึ้น นักสังคมศาสตร์เยอรมนีกล่าวว่า คู่รักทางไกลกว่า 60 % กล่าวว่า ระยะทางห่างไกลทำลายความรักของพวกเขา และอีก 40% ระบุว่า แฟนไม่มีเวลาให้ ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว คู่รักทางไกลจะเลิกกันในเวลาประมาณ 4 ปี ส่วนคู่รักธรรมดาจะรักษาความสัมพันธ์อย่างน้อย 5 ปี แต่บางคนก็มีความเห็นต่างกันว่า ความสัมพันธ์ที่เป็นคู่รักทางไกลจะทำให้พวกเขามีชีวิตที่มีความสุขมากกว่า ในขณะเดียวกัน จะทำให้แฟนไม่รู้สึกเบื่อหน่าย
นักจิตวิทยาระบุว่า การอยู่ต่างที่เป็นสาเหตุอันดับที่ 4 ของการเลิกรากันของคู่รัก แต่การอยู่ต่างที่ไม่ใช่สาเหตุสำคัญที่สุดในการหย่าร้าง ซึ่งเพียงแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้การแต่งงานเร็วขึ้นหรือช้าลง โดยคู่รักทางไกลต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย เช่น
1. ความเหงา
ถึงแม้ว่าปัจจุบันเรามีอินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ซึ่งช่วยให้เราเห็นหน้าได้ ได้ยินกันแต่สัมผัสกันไม่ได้ ในเวลาที่สำคัญ เขาไม่สามารถอยู่เคียงข้าง เรามีแฟนแต่แฟนไม่อยู่ เมื่อยุ่งวุ่นวายกับการทำงานอาจไม่ทันรู้สึก พอถึงวันหยุด ก็อาจจะรู้สึกถึงความเหงาเป็นอย่างยิ่ง และไม่อยากกลับบ้าน ถ้าเกิดอาการป่วย หรือประสบปัญหาในการทำงาน ความรู้สึกที่ไม่มีคนพึ่งพาได้ก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น และเมื่อเวลาล่วงเลยนายไปก็จะทำให้คู่รักรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ
2. เวลาสามารถทำให้ความรักลดน้อยลง
เพราะว่าคู่รักอยู่ในสถานที่ที่มีเพื่อนต่างกัน เกิดเรื่องต่างกัน สภาพแวดล้อมต่างกัน จึงจะทำให้ความคิดเห็นค่อยๆ ต่างกันไปและประเด็นการคุยกันก็มีน้อยลง เมื่อนานไปทั้งสองคนก็ไม่รู้ว่าจะคุยกันในเรื่องอะไร หรือรู้สึกว่า แฟนพูดอะไรก็ไม่น่าสนใจ คู่รักก็ค่อยๆ กลายเป็นคนคุ้นเคยกันแต่แปลกหน้ามากที่สุดในที่สุด