โฆษกผู้นี้กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นคือ สหรัฐฯ ก้าวก่ายการส่งดาวเทียมเพื่อใช้ในทางสันติภาพของเกาหลีเหนือตามอำเภอใจ อีกทั้งผลักดันให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติลงมติค่ำบาตรด้วย และต่อมาก็ได้จัดการซ้อมรบที่เจาะจงต่อเกาหลีเหนืออีก ทั้งนี้บีบให้เกาหลีเหนือต้องยืนหยัดจุดยืนป้องกันตนเองด้วยปฏิบัติการทางการทหาร
คำแถลงดังกล่าวระบุว่า สหรัฐฯ ได้ใช้ยุทธศาสตร์การจัดวางกำลังรบในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยการเพิ่มอาวุธทันสมัยมากขึ้น เพื่อคุมเชิงเกาหลีเหนือ ประกอบกับการแสดงแสนยานุภาพด้านนิวเคลียร์ด้วยการส่งเรือดำน้ำนิวเคลียร์ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ไปยังน่านน้ำและน่านฟ้าบริเวณคาบสมุทรเกาหลี นอกจากนี้ ได้จัดการซ้อมรบโดยถือเกาหลีเหนือเป็นเป้าหมายโจมตีมาโดยตลอดด้วย ภายใต้สภาพเช่นนี้ การที่สหรัฐฯ เสนอให้จัดการเจรจานั้น จึงเป็นแผนลวงโลกอย่างเห็นได้ชัด
โฆษกผู้นี้ยังกล่าวว่า เกาหลีเหนือไม่ต่ิอต้านเรื่องการเจรจา แต่เห็นว่าควรจัดขึ้นบนพื้นฐานที่เคารพซึ่งกันและกันและมีความเสมอภาค การที่สหรัฐฯ ต้องการให้เกาหลีเหนือแสดงท่าทีว่าจะจัดการกับปัญหานิวเคลียร์ก่อนนั้น เป็นการกระทำที่เย่อหยิ่งและไร้มารยาท หากสหรัฐฯ ถือเกาหลีเหนือเป็นปรปักษ์และขู่ด้วยพลังนิวเคลียร์อีกต่อไป มีทางเดียวคือ เกาหลีจะพัฒนาศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของตนจนสามารถต่อต้านการคุกคามจากสหรัฐฯ ได้ก่อน จึงจะคิดเรื่องการเจรจา
