จากครั้งก่อนเอ่ยถึงข่าวนักศึกษาหนุ่มช่วยหอบหิ้วสมบัติของเพื่อนร่วมห้องติดออกมาด้วยขณะหนีออกจากหอพักเนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวที่มณฑลเสฉวน เมื่อวันที่ 20 เมษายน ทำให้ชาวเน็ตหลายคนยกย่องและเชื่อในความมีไมตรีจิตต่อกันระหว่างเพื่อนร่วมห้องอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 16 เมษายนมีข่าวการเสียชีวิตของหวงหยาง หนุ่มนักศึกษาปริญญาโท คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น นครเซี่ยงไฮ้ เนื่องจากน้ำดื่มในห้องพักมีสารพิษปนเปื้อน ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นของตำรวจพบว่า ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ คือ หนุ่มแซ่หลิน เพื่อนร่วมห้องพักเดียวกันที่เกิดไม่ลงรอยกับผู้เสียชีวิต
โดยในงานสัมมนาสุขศึกษาชีวิตเยาวชนเมืองกว่างโจวที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมาได้อ้างถึง ผลการสุ่มสำรวจตัวอย่างนักศึกษาจำนวน 1,500 ชุดของทางมหาวิทยาลัยกว่างโจวพบว่า นักศึกษากว่าครึ่งรู้สึกไม่พอใจในเพื่อนร่วมห้อง ซึ่งรูปการณ์นี้ไม่ได้มีแต่ที่มหาวิทยาลัยกว่างโจวเท่านั้น เพราะจากสภาพการณ์ปัจจุบัน ห้องพักนักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัย กลายเป็นเสมือนแหล่งบ่มเพาะปัญหาที่รอวันระเบิดของนักศึกษาจีนไปเสียแล้ว
ทั้งนี้ เพราะข้อกำหนดโดยทั่วไปของมหาวิทยาลัยจีน ต้องการให้นักศึกษาพักในมหาวิทยาลัย แต่กลับไม่สามารถจัดหอพักรองรับให้เพียงพอได้ ห้องพักหนึ่งต้องพักรวมกันถึง 6 คนถือเป็นเรื่องปกติ และมักเป็นทางมหาวิทยาลัยจัดชื่อลงห้องให้เสร็จสรรพ ไม่ได้มาจากความสมัครใจของนักศึกษา
ดังนั้น นักศึกษาจากต่างถิ่นต่างความเคยชินต่างนิสัย จะเกิดการกระทบกระทั่งไม่พอใจมีปากเสียงกัน อาจด้วยเรื่องเล็กน้อยอย่าง การนอนกรน นอนดึกเปิดไฟรบกวน ฯลฯ ย่อมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายและอาจสะสมมากเข้าเพื่อรอวันระเบิดขึ้น นอกจากนี้นักศึกษาจีนรุ่นใหม่นี้มักเป็นลูกคนเดียว ที่มักมีความเป็นส่วนตัวจนเคยชิน การต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นถึง 4 ปี อาจเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัวสำหรับบางคน
ผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นว่า การจะลดความกระทบกระทั่งนั้นต้องอาศัยการพูดคุยปรับความเข้าใจกันเป็นสำคัญ เพราะการที่แต่ละคนเลิกเรียนกลับมาห้องพัก ก็นั่งหลังชนกันใช้คอมพิวเตอร์ของใครของมัน โอกาสพูดคุยกันแทบไม่มี ย่อมมีแต่จะก่อเก็บปัญหารอวันปะทุ หากได้หันหน้าคุยกันจะช่วยแก้ไขความขุ่นข้องหมองใจให้หมดหรือลดน้อยลงไปได้
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府