วันที่ 5 พฤษภาคมนี้ งานแสดงสินค้า กว่างโจว เทรดแฟร์ครั้งที่ 113 เสร็จสิ้นลงที่เมืองกว่างโจว เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้ว มีจำนวนผู้ซื้อสินค้า และยอดมูลค่าซื้อขายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งปรากฏแนวโน้มยุติการถดถอย และเริ่มฟื้นตัว
วันเดียวกัน นายหลิว เจี้ยนจูน โฆษก งานกว่างโจว เทรดแฟร์ครั้งที่ 113 รองผู้อำนวยการศูนย์การค้าระหว่างประเทศจีนกล่าวในงานแถลงข่าวที่เมืองกว่างโจวว่า ผู้ซื้อจำนวนกว่า 200,000 รายจาก 211 ประเทศและเขตแคว้นทั่วโลกได้เดินทางมาเข้าร่วมงานครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 7.06% เมื่อเทียบกับงานครั้งที่แล้ว
นายหลิว เจี้ยนจูน ยังกล่าวว่า เนื่องจากได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น และพอดีอยู่ในช่วงการสั่งซื้อสินค้า จำนวนผู้ซื้อสินค้าจึงเพิ่มขึ้นเชิงฟื้นตัว ประเทศและเขตแคว้นที่มีผู้ซื้อเดินทางมาเข้าร่วมงานครั้งนี้เพิ่มขึ้นถึง 134 ประเทศและเขตแคว้น ประเทศและเขตแคว้นที่มีจำนวนผู้ซื้อมากที่สุด 10 อันดับแรกคือ จีน ฮ่องกงของจีน สหรัฐฯ อินเดีย รัสเซีย ไต้หวันของจีน มาเลเซีย ออสเตรเลีย ไทย และเกาหลีใต้ ในนี้นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ซื้อชาวอินเดียมีกว่าหนึ่งหมื่นคน ซึ่งมากกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เนื่องจากได้รับผลพวงจากเศรษฐกิจอินเดียในช่วงเวลานี้เริ่มดีขึ้น และช่วงนี้เป็นช่วงที่นักธุรกิจอินเดียต้องการสั่งซื้อสินค้า จากสาเหตุเดียวกัน จำนวนผู้ซื้อจาก แอฟริกาและตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 29% และ 12.3% ตามลำดับ ผู้ซื้อจากญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 8.2 % อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ซื้อจากสหภาพยุโรป ฮ่องกงของจีน รัสเซีย และอาเซียนกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่า ยอดมูลค่าการส่งออกในงานครั้งนี้มีถึง 35,540 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี สินค้าส่วนใหญ่ยังคงส่งออกไปยังตลาดของประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ซึ่งคิดเป็น 40% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด ส่วนการส่งออกไปยังประเทศบริคส์ เช่น อินเดีย บราซิล รัสเซีย และแอฟริกาใต้ คิดเป็น 17% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด การส่งออกไปยังตะวันออกกลางคิดเป็น 13% การส่งออกไปยังออสเตรเลียคิดเป็น 3% ทางด้านฮ่องกง ถึงแม้ว่ามีผู้ซื้อที่มาเข้าร่วมงานจำนวนมากที่สุด แต่ยอดมูลค่าการซื้อขายเป็นเพียง 2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดในงานเท่านั้น
นายหลิว เจี้ยนจูน ยังกล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในขณะนี้ยังคงสลับซับซ้อนมาก ถึงแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายในงานครั้งนี้ได้มีการเพิ่มขึ้นเชิงฟื้นตัว แต่ยังไม่สามารถเทียบเท่ากับระดับในกว่างโจวเทรดแฟร์ครั้งที่ 111 ได้ ถ้ามองในแง่รวม ขณะนี้ พื้นฐานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังไม่มั่นคง และยังขาดแรงกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบใหม่ ด้วยสาเหตุนี้ วิสาหกิจจีนจึงต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ อีก เช่น อุปสงค์ของต่างประเทศยังมีน้อย ต้นทุนของปัจจัยการผลิตเพิ่มสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนผันผวน นอกจากนี้ ยังต้องแข่งขันกันอย่างรุนแรงกว่าเดิม ด้วยสาเหตุดังกล่าว รัฐบาลจีนจึงเร่งสนับสนุน และส่งเสริมวิสาหกิจการค้าระหว่างประเทศของจีนให้เพิ่มการลงทุนในด้านนวัตกรรม ยกระดับคุณภาพและเกรดของผลิตภัณฑ์ สร้างเครือข่ายจำหน่ายสินค้าระหว่างประเทศ ขณะเดียวกัน ต้องเร่งบุกเบิกตลาดใหม่ และพยายามเพิ่มทักษะในการแข่งขันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นด้วย
(YIM/cai)