รัฐบาลเกาหลีใต้เผยว่า ในการซ้อมรบร่วมครั้งนี้ กองทัพเรือของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ จะฝึกซ้อมปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็วและการต่อต้านเรือดำน้ำ ก่อนหน้านี้ ฝ่ายกองทัพเกาหลีใต้เคยประกาศว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน"นิมิตซ์"จะเข้าร่วมการฝึกซ้อมการโจมตี
การที่สหรัฐฯ ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์จากสหรัฐฯ ไปยังเกาหลีใต้ แทนที่จะส่งเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์"จอร์จ วอชิงตัน"ซึ่งประจำการในฐานทัพเรือโยโคซูคาของญี่ปุุ่่น ได้ดึงดูดความสนใจและความสงสัยอย่างกว้างขวาง
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์ด้านการรักษาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้กล่าวว่า เรือบรรทุกเครื่องบิน"นิมิตซ์"พลังงานนิวเคลียร์สังกัดกองเรือหมายเลข 7 ของสหรัฐฯ ซึ่งมีการเยือนประเทศพันธมิตรในเอเชียและร่วมกันซ้อมรบกับประเทศเหล่านี้บ่อยๆ ดังนั้น การเข้าร่วมการซ้อมรบครั้งนี้ จึงไม่ผิดปกติ แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเห็นว่า เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ เกาหลีเหนือยกระดับความตึงเครียดของสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีให้สูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งขู่ว่าจะโจมตีฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวมและเกาะโอกินาวาด้วย จึงทำให้สหรัฐฯ ต้องแสดงแสนยานุภาพให้เกาหลีเหนือรับทราบว่า ต่อให้ขีปนาวุธพิสัยกลางและพิสัยไกลของเกาหลีเหนือสามารถยิงสู่ฐานทัพสหรัฐฯ บนเกาะกวมและเกาะโอกินาวาได้ก็ตาม สหรัฐฯ ก็สามารถจัดส่งกำลังรบจากดินแดนของตนไปยังคาบสมุทรเกาหลีได้
การซ้อมรบร่วมของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ถูกเกาหลีเหนือถือเป็นการท้ารบและการส่งสัญญาณสงครามมาโดยตลอด จึงกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีโดยตรง หลังจากการซ้อมรบร่วม"FoalEagle"ของเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา สื่อมวลชนพากันคาดการณ์ว่า สถานการณ์อาจจะคลี่คลายลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน เกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ก็ได้จัดการซ้อมรบร่วมเพื่อต่อต้านเรือดำน้ำ ตลอดจนการซ้อมรบทางทะเลที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จึงทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีต้องตกอยู่ในภาวะคลุมเคลืออีกครั้ง