ทั้งนี้ นายหลิว เยว่จิ้น ผู้อำนวยการสำนักงานปราบปรามยาเสพติด กระทรวงรักษาความสงบจีนระบุที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ว่า โครงการร่วมปราบปรามยาเสพติดดังกล่าวประสบผลสำเร็จครั้งใหญ่ ทั้ง 4 ประเทศเห็นพ้องกันว่า ควรทำโครงการต่อเนื่อง
จนถึงเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมาโครงการนี้ สามารถคลี่คลายคดียาเสพติด บริเวณลุ่มแม่น้ำโขงได้ 1,784 คดี จับกุมผู้ต้องสงสัยกระทำผิดกฎหมายจำนวน 2,534 คน ยึดยาเสพติดประเภทต่างๆ จำนวน 9,781.3 กิโลกรัม ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของยอดปริมาณยาเสพติดที่ยึดได้ในลาวและเมียนมาร์ในปี 2012 มูลค่า 25,000 ล้านหยวน
ลักษณะเด่นของโครงการร่วมปราบปรามยาเสพติดระหว่างจีน-ไทย-ลาว-เมียนมาร์ในครั้งนี้คือ มีการจัดตั้ง "กองบัญชาการร่วม" ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายด้านการปราบปรามยาเสพติดจากทั้ง 4 ประเทศจำนวน 23 คน ทำหน้าที่ประสานงานด้านปฏิบัติการ การดำเนินคดี แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดอย่างใกล้ชิด กลไกการทำงานนี้ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับโครงการร่วมปราบปรามยาเสพติดครั้งก่อนๆ และได้รับการชื่นชมจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมโครงการ
นายโสเอ แฮน เจ้าหน้าที่การทูตระดับที่ปรึกษาจากสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ประจำจีนกล่าวในการแถลงข่าวว่า กลไกดังกล่าวมีประสิทธิภาพ สามารถปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติดและการกระทำผิดกฎหมายได้อย่างเฉียบขาด
ส่วนนายอวนเส่ง วิไซ เลขาธิการคณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติลาวเสนอให้ที่ประชุมร่วมพิจารณาแนวทางการสานต่อและดำเนินโครงการต่อไป เพื่อสร้างความต่อเนื่อง
ด้าน นายสุขุม โอภาสนิพัทธ์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของไทยกล่าวว่า งานปราบปรามยาเสพติดไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้แต่ยังต้องการความร่วมมือเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวในอนาคต
(NUNE/LING)