หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา การเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตรข้ามมาหาสมุทรแปซิฟิกหรือทีพีพีรอบที่ 18 เป็นเวลา 10 วันเริ่มจัดขึ้นที่เมืองโคตาคินาบาลูเมืองทางภาคตะวันออกของมาเลเซีย โดยบ่ายวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้เข้าร่วมการเจรจาทีพีพีอย่างเป็นทางการ และกลายเป็นประเทศสมาชิกทีพีพีประเทศที่ 12 ด้วยเหตุนี้ ยอดมูลค่าจีดีพีของประเทศเข้าร่วมการเจรจาทีพีพีจึงเป็นหนึ่งในสี่ของเศรษฐกิจโลก ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่า ญี่ปุ่นเข้าร่วมทีพีพีนั้นจะมีการพิจารณาทางการเมืองมากกว่าการได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ เนื่องจากการเจรจาทีพีพีมีความลึกซึ้งและสลับซับซ้อน ตลอดจนเกี่ยวพันถึงหลายประเทศ ข้อตกลงทีพีพีอาจจะไม่สามารถลงนามได้ก่อนปลายปีนี้
ก่อนหน้านี้ มี 11 ประเทศเข้าร่วมการเจรจาทีพีพี อันได้แก่ สหรัฐฯ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน เวียดนาม ชิลี ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ หลังจากญี่ปุ่นเข้าร่วมการเจรจาแล้ว ยอดมูลค่าการผลิตภายในประเทศของประเทศเข้าร่วมการเจรจาทีพีพีจะถึง 26-27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นร้อยละ 40 ของทั่วโลก มูลค่าการค้าจะเป็นหนึ่งในสามของยอดมูลค่าการค้าทั่วโลก
นายหลิว จุนหง นักวิจัยสถาบันวิจัยญี่ปุ่นของสถาบันวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยุคปัจจุบันของจีนเห็นว่า เป้าหมายการเข้าร่วมการเจรจาทีพีพีของญี่ปุ่น ก็คือเพื่อแสวงหาสิทธิกำหนดกฎเกณฑ์ที่เสมอภาค และมีความสมดุลกันกับสหรัฐฯ แต่ทำอย่างนี้ก็มีความเสี่ยงไม่น้อย กฎเกณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับ 21 ด้านของการเจรจาทีพีพี ได้ตกลง 15 ด้านแล้ว การเจรจารอบนี้เพียงแต่เหลือโอกาสการเจรจาเกี่ยวกับ 6 ด้านเท่านั้น ซึ่งรวมทั้งการจัดซื้อของรัฐบาล สิทธิทรัพยสินทางปัญญา นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังไม่พร้อมในด้านระบบภายในประเทศ แล้วประเด็นที่ญี่ปุ่นให้ความสำคัญที่สุด เช่น ภาษีศุลกากรของผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร และผลิตภัณฑ์ด้านอุตสาหกรรมนั้นได้เสร็จสิ้นแล้ว
พรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่นได้ให้สัญญาในการเลือกตั้งว่า หากผลประโยชน์ในด้านที่ไวต่อความรู้สึกทางการเมืองต่างๆ เช่น ข้าวสาร ข้าวสาลี เนื้อวัว เนื้อหมู ผลิตภัณฑ์นมและน้ำตาลทรายไม่ได้รับการประกัน จะถอนออกจากการเจรจา หลังจากเลือกตั้งแล้ว ฝ่ายระมัดระวังที่มีข้อเสนอคุ้มครองกิจการเกษตรมีความเข้มแข็งมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความหวังของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่หวังจะผ่านการเจรจาทีพีพี แสดงหาสิทธิกำหนดกฎเกณฑ์ส่วนภูมิภาคที่เสมอภาคกับสหรัฐฯ นั้นจึงยากที่จะเล็งผลเลิศ
(Yim/zheng)