เมื่อเร็วๆนี้ สถานีวิทยุซีอาร์ไอเป็นเจ้าภาพจัด "โครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้พุทธศาสนาและวัฒนธรรม" โดยได้เชิญนักข่าวจากไทย ลาว กัมพูชาและเมียนมาร์มาเข้าร่วมกิจกรรมด้วย หลังจากเสร็จสิ้นการทำข่าวที่กรุงปักกิ่งแล้ว คณะนักข่าวได้เดินทางไปเยือนเมืองจือซิงในมณฑลหูหนาน ทางภาคใต้ของจีน
เมืองจือซิงมีมนต์เสน่ห์มากทางด้านวัฒนธรรม และเป็นเมืองท่องเที่ยวเลื่องชื่อของจีน ทัศนียภาพทางธรรมชาติที่นี่สวยงามมาก ถึงแม้จะถูกตั้งเป็นเขตปกครองระดับเมืองของประเทศจีนใหม่ตั้งแต่ปี 1984 ทว่าจริงๆ แล้ว เมือง จือซิงมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนานกว่า 2,000 ปี ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ในยุคนั้นที่นี่เป็นเขตปกครองสำคัญแห่งหนึ่งของจีน มีชื่อเรียกว่า อำเภอฮั่นหนิง
หลังจากนั้นก็มีการเรียกขานและเปลี่ยนแปลงชื่อหลายครั้งตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป จนถึงปี 1914 จึงมีชื่อทางการว่า อำเภอจือซิง จากนั้นในปี 1984 ได้เลื่อนระดับเป็นเมืองจือซิง
เมืองจือซิงเป็นหนึ่งใน 13 เขตทดลองการพัฒนาแบบยั่งยืนของประเทศ มีทิวทัศน์ที่งดงาม ทั้งภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ เกาะแก่ง ถ้ำหินงอกหินย้อย วัดเก่าแก่เลื่องชื่อ น้ำพุร้อน และโบราณสถาน ล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่น่าท่องเที่ยวทั้งสิ้น มีทัศนียภาพอันงดงามทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเป็นความงามที่มนุษย์ตกแต่งรังสรรค์ขึ้น นักท่องเที่ยวที่เคยเปรียบเปรยความสวยของเมืองจือซิงเป็นภาพเขียนพู่กันจีน แม่น้ำลำธารประดุจเสมือนกระดานหมากรุก ภูเขาไล่เรียงลดหลั่นเป็นทิวแถวอย่างสวยงาม ป่าไม้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ทุ่งหญ้าเขียวขจี จนมีบทกวีจีนพรรณนาไว้ว่า "คนสัญจรในป่าเขา เมฆลอยล้อมเขา นาข้าวอุดมเรียงเชิงเขา"
นายล่า วิน สื่อมวลชนจากเมียนมาร์กล่าวชื่นชมความงามของธรรมชาติที่ได้พบเห็นขณะล่องเรือในอ่างเก็บน้ำตงเจียงว่า
"คาดไม่ถึงจริงๆ ที่นี่วิวสวยขนาดนี้ เป็นอ่างเก็บน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วย น่าทึ่งจริงๆ สติปัญญาและความสามารถในการตัดแปลงธรรมชาติและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของคนจีนน่าชื่นชมอย่างยิ่ง"
ทิวทัศน์ "วู่ม่านเสี่ยวตงเจียง" หรือ "ม่านหมอกปกคลุมทะเลสาบน้อยตงเจียง" เป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกแห่งหนึ่งที่ธรรมชาติสรรค์สร้าง ม่านสายหมอกจากเทือกเขาได้แผ่ปกคลุมแผ่นน้ำทะเลสาบตงหูทั้งผืน มีทั้งส่วนที่หมอกลงจัดจนมองเห็นแต่กลุ่มควันสีขาว และส่วนที่หมอกบางเบาสามารถมองเห็นแนวทิวเขาและต้นไม้สีเขียวเข้มที่อยู่ด้านหลังเรือนลาง ชัดบ้าง พร่าเลือนบ้าง ดูลึกลับน่าค้นหาอย่างยิ่ง
ในเวลาเดียวกัน มีชาวประมงท้องถิ่น ได้ลอยเรือแจวลำเล็กๆ ในบริเวณนั้น
ทั้งหาปลาและรับจ้างหากมีนักท่องเที่ยวสนใจจะใช้บริการเพื่อให้เข้าไปใกล้ได้ซึมซับกับสายหมอกอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เรือลำน้อยได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของทิวทัศน์ที่ทำให้กลุ่มช่างภาพทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพที่มายืนรอถ่ายภาพริมฝั่ง กดชัตเตอร์กันมือเป็นระวิง
นางสาวโสภิต หวังวิวัฒนา ผู้แทนสื่อมวลชนจากประเทศไทยชื่นชมความงดงามของทะเลสาบน้อยตงเจียงว่า "ทิวทัศน์นี้เป็นฉากที่ช่างภาพนิยมมากที่สุด รูปถ่ายจากที่นี่หลายภาพได้รับรางวัลระดับยอดเยี่ยมจากงานประกวดในเวทีต่างๆมาแล้ว ดิฉันคิดว่า ฝีมือช่างภาพก็มีส่วน แต่ที่สำคัญคือวิวสวยมากจริงๆ"
สถานที่สำคัญอีกแห่งคือวัดโซ่วฝัว ตั้งอยู่เชิงเขาโจวหยวนซานและริมทะเลสาบตงหู เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองจือซิง ป่าไผ่และดอกไม้นานาชนิดทำให้บรรยากาศรื่นรมย์ ร่มเย็น การออกแบบก่อสร้างยึดตามหลักของราชวงศ์ถัง สถาปัตยกรรมมีความสง่างดงาม อักษรจีนที่เขียนว่า "寿佛 (โซ่วฝัว)" เขียนขึ้นมาเพื่อรำลึกถึงพระภิกษุอาวุโสที่มีอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์จีน เล่ากันว่าพระรูปนี้มรณภาพเมื่อมีอายุได้ 133 ปีที่วัดเซียงซานในเมืองฉวนโจวที่กว่างซี
พระภิกษุผู้ดูแลวัดโซ่วฝัวอธิบายวัตรปฏิบัติของพระภิกษุจีนที่ประจำอยู่ในวัดนี้ให้คณะนักข่าวฟัง นอกจากนี้ยังจัดพิธีสวดมนต์เพื่ออวยพรให้กับคณะด้วย ทำให้ทุกคนประทับใจเอกลักษณ์ของวัดโบราณแห่งนี้
นางทง ซกคอน นักข่าวกัมพูชากล่าวแสดงความรู้สึกซาบซึ้งใจต่อศาสนกิจที่นี่
"รู้สึกเป็นเกียรติและโชคดีอย่างยิ่งที่ได้ชมพิธีบูชาคารวะพระพุทธเจ้าในวัดโซ่วฝัว ฉันได้เห็นกิจกรรมทางศาสนาที่ต่างกันกับกัมพูชา จึงได้เพิ่มความรู้มาก"
ก่อนที่จะจากวัดนี้ไป คณะสื่อมวลชนยังได้เห็นกลุ่มเด็กนักเรียนเด็กเล็กที่มาฝึกวิทยายุทธในวัด กิริยาฝึกที่ถูกจังหวะและเป็นแบบเดียวกันหมดของเด็กๆทำให้นักท่องเที่ยวทั้งจีนและต่างชาติพากันยกกล้องถ่ายรูปมาบันทึกภาพความน่ารักและเป็นธรรมชาติของเด็กๆเหล่านั้น ขณะกำลังแสดงวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำชาติจีน สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมชาวต่างชาติทุกคนที่ได้พบเห็น
NUNE/FENG