ประธานาธิบดีบารัก โอบามาของสหรัฐฯ เรียกประชุมคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อหารือข่าวกรองล่าสุดเกี่ยวกับซีเรียใช้อาวุธเคมีในสงครามกลางเมือง พร้อมวางแผนรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ขณะเดียวกัน เรือรบของสหรัฐฯ เริ่มรวมตัวยังน่านน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อเตรียมพร้อมหากมีคำสั่งรบกับซีเรีย
แต่นักวิเคราะห์เห็นว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าใครเป็นผู้ใช้อาวุธเคมี แม้ว่าสหรัฐฯ และประเทศภาคียืนยันว่าเป็นการกระทำของทหารรัฐบาลซีเรียก็ตาม แต่นายโอบามา ผู้นำสหรัฐก็มีความลำบากใจ เพราะด้านหนึ่ง ซีเรียมีฐานะทางยุทธศาสตร์สำคัญมากในตะวันออกกลาง ประธานาธิบดีโอบามาเพิ่งเริ่มใช้นโยบายบริหารประเทศในวาระดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 จึงไม่อยากทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดความไม่สงบในช่วงนี้
อีกด้านหนึ่ง นายโอบามาขีด เส้นตายเกี่ยวกับอาวุธเคมีด้วยตนเอง ถ้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสหรัฐฯ
นักวิชาการของศูนย์นานาชาติสำหรับนักวิชาการวูดโรว วิลสัน (Woodrow Wilson Center for International Scholars)ในกรุงวอชิงตันเห็นว่า ประธานาธิบดีโอบามาสนใจกิจการภายในประเทศมากกว่าตะวันออกกลาง เพราะการฟื้นตัวของสหรัฐฯ เริ่มดำเนินไปอย่างมั่นคง และเพิ่งเริ่มปฏิบัติหลักนโยบายการบริหารประเทศ เช่นการปฏิรูปนโยบายผู้อพยพ นโยบายการรักษาพยาบาล การศึกษาและเพิ่มกำลังในการสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ผู้นำสหรัฐจึงไม่อยากเสียเวลาในปัญหาซีเรียที่ไม่สามารถแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
พลเอกมาร์ติน เดมป์ซี ประธานเสนาธิการทหารร่วมของ สหรัฐฯ ก็ยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายต่อต้านรัฐบาลของซีเรียสัญญาว่าจะสนับสนุนสหรัฐฯ ดังนั้น รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่อยากใช้ปฏิบัติการทางการทหารในซีเรีย แต่เส้นตายอาวุธเคมีขีดโดยนายโอบามาเอง ถ้ายืนยันได้ว่า การใช้อาวุธเคมีเป็นเรื่องจริง แต่นายโอบามาไม่ได้ใช้ปฏิบัติการ ก็จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของสหรัฐฯ
นายโอบามาให้สัมภาษณ์ CNN ว่า ก่อนจะตัดสินใจใช้มาตรการต่อซีเรีย สหรัฐฯ จะต้องรอหน่วยตรวจสอบของสหประชาชาติประกาศผลตรวจสอบก่อน และต้องใช้ท่าทีสุขุมรอบคอบในการแทรกแซงสงครามกลางเมืองของซีเรีย หากไม่ได้รับการมอบหมายจากสหประชาชาติ สหรัฐฯ คงต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านกฎหมายระหว่างประเทศ
Nune/Lr