วันนี้ (6 ก.ย. 2556) งานมหกรรมจีน-อาเซียนครั้งที่ 10 ปิดฉากลงที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองชนเผ่าจ้วงกว่างซี ซึ่งประเด็นสำคัญในงานครั้งนี้คือ ความร่วมมือส่วนภูมิภาค โดยมีโอกาสใหม่ แรงกระตุ้นใหม่และขั้นตอนใหม่ ผู้เชี่ยวชาญจากจีนและอาเซียนที่ให้สัมภาษณ์ต่างให้ความเห็นว่า บนเบื้องหลังที่เศรษฐกิจโลกยังคงซบเซาอยู่ การที่จีนกับอาเซียนร่วมมือกันส่งเสริมความร่วมมือส่วนภูมิภาค สามารถที่จะเพิ่มอิทธิพลของจีน-อาเซียนให้มากขึ้น
ขณะกล่าวถึงประเด็นสำคัญของงานมหกรรมจีน-อาเซียนครั้งนี้ นายหวัง อี้ว์จู่ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยความร่วมมือในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกแห่งสภาวิทยาศาสตร์สังคมจีนเห็นว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะซบเซา ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีทั้งการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) ที่มีสหรัฐฯ เป็นแกนนำ และการเจรจาความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาคที่เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน (RCEP) ที่มีอาเซียนเป็นแกนนำ จีนกับอาเซียนต่างมีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นลำดับ ความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ต้องการยกระดับสูงขึ้น นอกจากนั้น สองฝ่ายก็เผชิญกับปัญหาการเปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบการเติบโตด้วย ดังนั้น การที่จีนกับอาเซียนกระชับความร่วมมือจึงมีผลกำไรที่แฝงอยู่เป็นจำนวนมาก
ศ. ริชาร์ด จาวัด ไฮดาเรียน อาจารย์จากมหาวิทยาลัยอาเทนีโอแห่งกรุงมะนิลาของฟิลิปปินส์ระบุว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าภายในภูมิภาคนี้จะกระชับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น บริษัททั้งภาคเอกชนและบริษัทข้ามชาติจะเป็นแรงกระตุ้นการพัฒนาของอุตสาหกรรมต่างๆ
ส่วนนางสง ลี่อิง นักวิจัยปัญหาพม่าของสถาบันวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งสภาวิทยาศาสตร์สังคมของมณฑลยูนนานเห็นว่า การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมระหว่างประเทศอาเซียน และระหว่างจีนกับอาเซียนจะมีบทบาทสำคัญต่อการผลักดันให้เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้เป็นหนึ่งเดียว และกระชับความร่วมมือทั้งในส่วนภูมิภาค และอนุภูมิภาคด้วย