วันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ฝ่ายทหารฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 16-17 กันยายนที่ผ่านมา ทหารรัฐบาลของฟิลิปปินส์ได้ปลดปล่อยตัวประกันที่ถูกกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยโมโรซึ่งเป็นกองกำลังต่อต้านรัฐบาลจับกุมที่เมืองซัมโบอังกา ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์จำนวน 123 คน และยิงสมาชิกกลุ่มโมโรจนเสียชีวิตจำนวน 30 ราย ด้านทหารรัฐบาลมีผู้เสียชีวิต 3 นาย อีก 10 นายได้รับบาดเจ็บ แต่ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ผู้อำนวยการกรมตำรวจของเมืองนี้และตำรวจอีก 4 นายถูกกลุ่มโมโรจับเป็นตัวประกันแล้วส่งไปยังเกาะเล็กแห่งหนึ่งใกล้เมืองนี้ ทหารรัฐบาลได้เดินทางไปยังเกาะนี้เพื่อปลดปล่อยตัวประกัน
วันที่ 17 กันยายน หนังสือพิมพ์ ฟิลิปปินส์ เดลี อินไควเรอร์( Philippine Daily Inquirer) สื่อมวลชนที่มีอิทธิพลมากที่สุดรายหนึ่งของฟิลิปปินส์รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ทหารรัฐบาลได้ก่อการโจมตีทางอากาศต่อเขตที่ถูกกลุ่มโมโรยึดครอง เพื่อยึดคืนพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ยังเหลือผู้ติดอาวุธจำนวนน้อยต่อต้านอยู่ โดยปฏิบัติการทางการทหารของทหารรัฐบาลใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ขณะนี้ รัฐบาลและสื่อมวลชนให้ความสำคัญเปลี่ยนจากการโจมตีกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ไปยังการจัดการประชาชนที่ต้องอพยพลี้ภัยออกจากบ้านและฟื้นฟูระเบียบสังคมและเศรษฐกิจให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
ทว่า เนื่องจากการปะทะยังไม่สิ้นสุดลง งานจัดการยังคงต้องยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง ขณะนี้ ทหารรัฐบาลกำลังเร่งสืบค้นผู้ติดอาวุธของกลุ่มโมโรที่เหลือ และสอบถามตัวประกันที่ถูกปลดปล่อยเพื่อได้รายละเอียดมากขึ้น
การปะทะครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับพื้นที่ทางภาคใต้ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่ในด้านศาสนา เศรษฐกิจและความเที่ยงธรรมทางสังคมดำรงอยู่เป็นเวลานานและสลับซับซ้อน ยากที่จะแก้ไขได้ภายในระยะเวลาอันสั้น การจัดการกับความสัมพันธ์กับกลุ่มโมโร และใช้นโยบายและมาตรการที่มีประสิทธิผลมากขึ้นเพื่อผ่อนคลายความไม่พอใจของเขตภาคใต้ ถือเป็นปัญหาลำบากสำหรับรัฐบาลอาคีโน ถ้าจัดการไม่ดี ทำให้ปัญหาภาคใต้รุนแรงขึ้น จะมีความเป็นไปได้มากที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศและความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติ กลายเป็นผลประทบทางลบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและความปรองดองของประเทศชาติ
Yim/Lr