การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นหนึ่งในประเด็นหลักสำหรับทุกหน่วยงานตั้งแต่ระดับสูงมายังระดับล่างในเวลานี้ หน่วยงานการตรวจสอบสังกัดคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในฐานะแกนนำการปราบปรามฯ ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่ในสายตาของสาธารณชนโดยตรงมากเท่าไร แต่คราวนี้ กลับทำตัวเป็น "ฝ่ายรุก" และ "เปิดเผย" ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างความโปร่งใสให้กับตัวเองมากขึ้นเท่านั้น หากยังแสดงให้เห็นถึงจิตใจที่เด็ดเดี่ยวเอาจริงของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการปราบปรามฯ ด้วย
ตั้งแต่ผู้นำจีนรุ่นใหม่ ซึ่งมีนายสี จิ้นผิง เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เข้าดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา ก็ให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นมาโดยตลอด นายสี จิ้นผิงเคยกล่าวย้ำว่า "ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นนับวันรุนแรงยิ่งขึ้น ในที่สุดจะทำให้พรรคและประเทศชาติล่มสลาย เราทุกคนต้องเตือนสติตนเองไว้" ดังนั้น เมื่อมีการทุจริตคอร์รัปชั่นก็ต้องปราบให้สิ้นซาก ซึ่งเป็นความรับรู้และความปรารถนาร่วมกันของสาธารณชนในการสร้างการเมืองประชาธิปไตย ความเที่ยงธรรม และความเป็นธรรม
ในช่วงสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลง การทุจริตคอร์รัปชั่นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปด้วยทุกด้าน ในสภาพเช่นนี้ หากเพียงอาศัยหน่วยงานตรวจสอบของคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยฯ โดยลำพัง ก็ยากที่จะเอาชนะได้ ดังนั้น การเปิดรับกำลังของทุกหน่วยในสังคมให้หันมา "ปราบปราม " ด้วยกัน จึงเป็น "ยา" ตัวใหม่ที่สอดคล้องตามความต้องการของยุคสมัย
สถิติระบุว่า ปี 2009 ในวันเปิดเว็บไซต์รับเรื่องร้องเรียนของฝ่ายการตรวจสอบและการตรวจสอบวินัยแห่งชาติวันเดียว ก็มีจำนวนเข้าชมมากถึง 19,200,000 ครั้ง และได้รับเรื่องการร้องเรียนทางเว็บไซต์จำนวน 13,800 เรื่องภายในเวลา 1 เดือน
อดีตเลขาธิการคณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยประจำท้องถิ่นผู้หนึ่งเคยระบุว่า "สิ่งที่ใกล้ทำเนียบจงหนานไห่ที่สุดคือ เว็บไซต์" การที่คณะกรรมาธิการตรวจสอบวินัยฯ เปิดรับให้สังคมหันมาปราบปรามการทุจริตด้วยกันนั้น จึงกล่าวได้ว่าเป็นไปตามยุคสมัยของอินเตอร์เน็ตที่เปิดเสรี และจะสามารถแสดงบทบาทได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะต้องเฝ้าดูกันต่อไป
(YIM/LING)