หยุด!ทัวร์ศูนย์เหรียญกับความเปลี่ยนแปลงตลาดทัวร์จีนในไทย
  2013-10-02 12:50:53  cri

จากการที่จีนออกกฎหมายท่องเที่ยวฉบับใหม่ที่กำลังจะมีผลใช้ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ทำให้หลายหน่วยงานภายในประเทศไทยมีการตื่นตัวและให้ความสำคัญกับกฎหมายฉบับนี้มาก บ้างก็กังวลว่าจะเป็นเหตุทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศจีนลดลงไป ทำให้รายได้หดหายไปมากกว่าครึ่ง บ้างก็กังวลเกี่ยวกับการตีความทางกฎหมาย และมีอีกหลายคนที่คิดว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีเพื่อที่จะได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ศูนย์อาเซียน-จีนศึกษาสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, นิตยสารการค้าอาเซียนร่วมกับศูนย์ Chinese Alliance Center สำนักบริหารเครือข่ายทางธุรกิจบมจ.ซีพี ออลล์ จัดโครงการสัมมนาจีน-อาเซียนเรื่อง "หยุด!ทัวร์ศูนย์เหรียญกับความเปลี่ยนแปลงตลาดทัวร์จีนในไทย" เพื่อที่จะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการฯ รวมถึงผู้สนใจอื่นๆ โดยงานสัมมนานี้จัดขึ้นที่ห้องโกมลรำลึก ชั้น 20 อาคารธาราสาทร กรุงเทพฯ

ภายในงานได้รับเกียรติจากนายอำนวย เทียมกีรกุล ผู้อำนวยการกองตลาดเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)ผู้มีประสบการณ์และเคยทำงานอยู่ที่ททท.สาขาปักกิ่งมาบรรยายและปูความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับสถานการณ์ภาพรวมการท่องเที่ยวจีน-ไทย ตลาดในปัจจุบัน รวมถึงกฎหมายการท่องเที่ยวจีนฉบับ 25 เมษายน 2013 ที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2013 และสุดท้ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากกฎหมายฯตัวนี้

หลังจากเปิดประเทศและมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในปี 1987 แล้ว ไทยเป็นประเทศแรกๆที่ได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศจีนได้ หลังจากนั้นก็เพิ่มจำนวนประเทศขึ้นเรื่อยๆเป็นมากกว่า 100 ประเทศ สำหรับในช่วงเริ่มต้นส่งเสริมการท่องเที่ยว ชาวจีนจะนิยมไปเที่ยวในหมู่ประเทศคอมมิวนิสต์มากกว่าที่อื่นๆสำหรับในปัจจุบันไทยก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวชาวจีนชื่นชอบมากเป็นอันดับต้นๆในดวงใจ อันเนื่องมาจากปัจจัยหลายๆด้าน เช่น ความหลากหลายทางด้านสินค้าและบริการการท่องเที่ยว, ราคาที่คุ้มค่าเหมาะสม เป็นต้น

ผลกระทบจากการท่องเที่ยว ตัวเลขจากสถิติรายงานว่า รายได้จากการท่องเที่ยวเมื่อปีที่แล้ว ประมาณ 1ใน 9 ส่วนมาจากนักท่องเที่ยวชาวจีน คิดเป็นเงิน 105,943 ล้านบาท และจากการสุ่มตัวอย่างพบว่านักท่องเที่ยวชาวจีนมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อวันที่ 4,826.24 บาทในขณะที่ค่าเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่มีการใช้จ่ายต่อคนต่อวันอยู่ที่ 4,392.81 บาท จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากนั้นดีต่อประเทศในแง่เศรษฐกิจ การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ในแง่สิ่งแวดล้อมแล้วการต้อนรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น นั่นหมายถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ใช้ไฟ ใช้น้ำ และเพิ่มขยะหรือมลพิษมากขึ้นด้วย

รูปแบบของการจัดการเดินทางของทัวร์จีนมาไทย จะเป็นแบบมาท่องเที่ยวเองและมาแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งในกลุ่มกรุ๊ปทัวร์นั้นแบ่งได้เป็นหลายกลุ่ม เช่น กรุ๊ปทัวร์ที่มีการจ่ายค่าทัวร์เรทปกติ และทัวร์ศูนย์เหรียญที่ไม่มีการเก็บค่าทัวร์ล่วงหน้าเพื่อเป็นการดึงดูดใจให้เดินทางแต่จะมีการมาหาประโยชน์จากนักท่องเที่ยวทีหลังนั่นเอง

เนื้อหาในกฎหมายฉบับใหม่ที่น่าสนใจ คือ ประกาศไม่ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวจัดทัวร์ในราคาต่ำที่ไม่สมเหตุสมผล, หลอกลวงนักท่องเที่ยวหรือหารายได้จากการชอปปิ้งเพื่อผลประโยชน์อื่นๆ ห้ามกำหนดสถานที่ชอปปิ้งโดยเฉพาะ ห้ามเตรียมรายการท่องเที่ยวที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มเติมยกเว้นสองฝ่ายได้ตกลงร่วมกันหรือทางนักท่องเที่ยวเป็นผู้ร้องขอและต้องไม่รบกวนแผนการเดินทางของนักท่องเที่ยวคนอื่น หากมีการละเมิดข้อกำหนด นักท่องเที่ยวมีสิทธ์ที่จะเรียกร้องต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อคืนสินค้า, จ่ายเงินคืนค่าสินค้าหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มเติมขึ้นมา และผู้ประกอบการที่ละเมิดกฎหมายอาจโดนปรับ โดนระงับธุรกิจและอาจจะโดนยึดใบอนุญาตประกอบการท่องเที่ยวหรือใบอนุญาตของไกด์ได้

ผลกระทบระยะสั้นที่คาดว่าจะเกิดแน่นอน คือราคาทัวร์จะเพิ่มขึ้น 20-40% ทำให้ยอดขายลดลง 50-80% ด้านเที่ยวบินปรกติที่ไม่สามารถปรับลดเที่ยวบินได้โดยง่าย จะมียอดจองตั๋วและจำนวนผู้โดยสารลดลง 30-50% และเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำมีการเจรจายกเลิกบางเส้นทาง เช่น เทียนจิน-กรุงเทพฯ ลดเที่ยวบินและเส้นทางการบิน รวมถึงการชะลอการเปิดเส้นทางบินใหม่ๆ อย่างลี่เจียง-กรุงเทพฯ เป็นต้น

ส่วนผลกระทบระยะยาวนั้น คงต้องรอดูช่วง 3-6 เดือนแรกก่อน อาจจะมีการนำเอากฎหมายนี้เป็นบทลงโทษและใช้คำตัดสินนั้นเป็นแม่บทในการดำเนินงานต่อไป ด้านผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทั้งไทยและจีนต้องปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินการทางธุรกิจและวิธีส่งเสริมการตลาด ร้านค้าขายของที่ระลึกก็ต้องปรับกลยุทธ์การตลาดและกำหนดราคาสินค้าให้เหมาะสมเพื่อที่จะรับมือกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต การออกมาของกฎหมายนี้จะทำให้ผู้ประกอบการหันมาเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่าเรื่องแข่งกันทำราคา ส่วนเรื่องการตีความทางกฎหมายนั้นก็คงต้องรอดูกันต่อไป เชื่อว่าผู้ประกอบการที่มีจริยธรรมและจริงใจในการให้บริการจะสามารถยืนหยัดธุรกิจต่อไปได้อย่างแน่นอน

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040