ค่ำวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา วุฒิสภาสหรัฐอเมริกาได้ผ่านร้างกฎหมายจัดสรรงบประมาณและเพิ่มเพดานหนี้แล้ว ถ้าร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรและประธานาธิบดีโอบามาลงนาม ก็ถือว่าปัญหาการปิดทำการของหน่วยงานไม่สำคัญของรัฐบาลสิ้นสุดลง สหรัฐฯ จะพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้อีกครั้ง
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ เป็นหนี้เพิ่มขึ้นถึง 16.7 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบเท่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐฯ ทั้งปี ในจำนวนนี้ เป็นหนี้จีน 7.65% เท่ากับ 36.5% ของเงินตราต่างประเทศสำรองของจีนที่มีจำนวน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อหนี้สหรัฐเกิดปัญหา ย่อมจะส่งผลกระทบต่อการคลังของจีน
ถ้าหากสหรัฐฯ ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จะทำให้หนี้ของสหรัฐฯ ลดลงอย่างฮวบฮาบ ทำให้ประเทศจีนซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แต่ความเสี่ยงสำคัญที่จีนต้องเผชิญไม่ใช่สหรัฐฯ ฝ่าฝืนข้อตกลง เพราะว่าการฟื้นฟูเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปัจจุบันจะขาดซึ่งการสนับสนุนทุนจากทั่วโลกไม่ได้ ถ้าหนี้สหรัฐฯ เกิดปัญหาขึ้น ไม่เพียงแต่ผู้เป็นเจ้าหนี้จะได้รับความเสียหายเท่านั้น สหรัฐฯ เองก็จะเสียความน่าเชื่อถือจนไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้ ต้องตกอยู่ในสภาวะยากลำบาก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ(FED) ซึ่งเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้น ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า สหรัฐฯ ฝ่าฝืนข้อตกลง
In/Lr