วันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเดินทางเยือนอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการ วันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเสร็จสิ้้นการเยือนเวียดนาม การเยือนประเทศอาเซียนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ของสองผู้นำจีนดังกล่าว เป็นการผลักดันให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนก้าวหย้าขึ้นไปอีก และถือเป็นเหตุการณ์เชิงประวัติศาสตร์ที่สำคัญ

ภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ผู้นำจีนได้ไปเยือนอินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน ไทย และเวียดนามรวมทั้งหมด 5 ประเทศ และเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค การประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออก ตลอดจนเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีและพหุภาคีกว่า 100 รอบ มองจากเส้นทางการเยือนของผู้นำจีนทั้งสอง ดูเหมือนสายรุ้งที่สวยงามตามทะเลจีนใต้

การเยือนของผู้นำจีนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดใหม่ทางการทูตของจีน คือ ปัจจุบัน โครงสร้างของเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้ง เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่สลับซับซ้อน ผู้นำจีนจึงตัดสินใจเดินทางเยือนประเทศอาเซียนที่มีกำหนดการแน่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ระหว่างการเยือน นายสี จิ้นผิงและนายหลี่ เค่อเฉียงล้วนได้เสนอแนวคิดการต่างประเทศและแผนการพัฒนาใหม่ๆ หลายต่อหลายรายการ นับเป็นการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างจีนกับประเทศอาเซียนให้ก้าวสู่ช่วง " 10 ปีเพชร"

ด้านความร่วมมือเพื่อความมั่นคงทางการเมือง ผู้นำจีนเสนอให้ทำสนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือฉันมิตรประเทศเพื่อนบ้าน และมีแนวคิดใหม่ที่ว่า ร่วมมือเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่ชื่นชมและได้รับการสนับสนุนจากบรรดาประเทศอาเซียน

นอกจากนี้ สองฝ่ายยังจะปรับปรุงกลไกการประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมจีน – อาเซียนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้่น กระชับความร่วมในด้านต่างๆ ที่สำคัญ อาทิ การเตือนภัยและการบรรเทาภัย ความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต การปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เป็นต้น

ด้านปัญหาทะเลจีนใต้ สองฝ่ายเน้นว่าจะร่วมกันรักษาสันติภาพและความมั่นคงของทะเลจีนใต้ รักษาความปลอดภัยและการเดินเรืิอที่เสรีในทะเลจีนใต้ และเห็นด้วยที่จะจัดการเจรจาหารือกันต่อไป เพื่อบรรลุข้อตกลง หลักปฏิบัติในทะเลจีนใต้ หนังสือพิมพ์ เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ของสหรัฐฯ ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การเยือนของผู้นำจีนครั้งนี้ทำให้ประเทศอาเซียนมีความมั่นใจต่อจีนมากขึ้น และทำให้ประเทศที่มีข้อพิพาทกับจีนในทะเลจีนใต้บางประเทศกลายเป็นฝ่ายที่ถูกโดดเดี่ยว

ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจก็มีจุดเด่นหลายประการที่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นชอบ อาทิ การร่วมกันสร้าง "ประชาคมจีน – อาเซียน" ยกระดับ "เขตการค้าเสรีจีน - อาเซียน" ข้อเสนอในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนเกี่ยวกับระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานแห่งเอเชีย ตลอดจนการผลักดันการเจรจาความสัมพันธ์ฉันหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอย่างรอบด้านในภูมิภาค

ประเด็นดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียวคือ ทำให้เขตการค้าเสรีจีน - อาเซียนซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รับการพัฒนาอย่างเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอที่อาจจะทำให้ชาวโลกตะลึง นั่นคือ จะใช้ความพยายามเพื่อให้ยอดการค้าระหว่างสองฝ่ายในปี 2020 สูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และแผนยุทธศาสตร์ผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟสายแพนเอเชีย เป็นต้น

(Yim/Lin)