ในปี 2013 มาเลเซียได้จัดการเลือกตั้งครั้งใหญ่ เศรษฐกิจก็ได้รับการฟื้นฟูอย่างมาก ขณะเดียวกัน รัฐบาลมาเลเซียยังพยายามส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่ต่างๆ เช่น สหรัฐฯ จีน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ได้ปูพื้นฐานที่ดีให้กับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมมาเลเซีย แต่ทว่า สถานการณ์ความมั่นคงภายในประเทศที่นับวันรุนแรงขึ้นกลายเป็นประเด็นที่รัฐบาลมาเลเซียต้องเร่งแก้ไข เมื่อเร็วๆ นี้ พฤติกรรมต่างๆ ที่ก่อให้เกิดขึ้นโดยพนักงานรักษาความปลอดภัยเป็นที่จับตามองของทั้งสังคม รัฐบาลตัดสินใจที่จะใช้มาตรการเพื่อปราบปรามการกระทำผิดกฎหมาย และรักษาความมั่นคงของสังคมด้วย
สื่อมวลชนมาเลเซียรายงานว่า พนักงานรักษาความปลอดภัยในมาเลเซียส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ โดยในพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่วประเทศทั้งหมด 280,000 คนนั้น เป็นต่างชาติจำนวน 150,000 คน นอกจากนี้ยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยอีก 30,000 คนที่ว่าจ้างโดยมิชอบด้วยกฎหมาย พนักงานรักษาความปลอดภัยในมาเลเซียมีรายได้น้อย และหางานง่าย ฉะนั้น จึงเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติจำนวนมาก
แต่พนักงานเหล่านี้ยากจน ต้องทำงานเป็นเวลานาน และไม่มีประกันการรักษาพยาบาลด้วย ในสภาพเช่นนี้ บางคนจึงเกิดความรู้สึกไม่มั่นคง และมีความคิดที่จะกระทำผิดกฎหมาย
หลายปีมานี้ รัฐบาลและตำรวจมาเลเซียต่างให้ความสนใจพฤติกรรมผิดกฎหมายที่เกิดจากพนักงานรักษาความปลอดภัยมากขึ้น ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2011 ได้จับกุมพนักงานที่มีการว่าจ้างโดยมิชอบด้วยกฎหมายจำนวน 399 คน และปราบปรามบริษัทผู้ว่าจ้างที่มิชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด 22 ราย แม้จะเข้มงวด แต่ก็ยังมีพนักงานรักษาความปลอดภัยที่ถูกว่าจ้างโดยมิชอบด้วยกฎหมายอยู่อีกประมาณ 30,000 คน
ต่อกรณีนี้ กระทรวงมหาดไทยมาเลเซียเรียกร้องให้สมาคมบริการรักษาความปลอดภัยและประชาชนแจ้งเหตุการว่าจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยโดยมิชอบด้วยกฎหมายอย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันพฤติกรรมกระทำผิดกฎหมาย ดังนั้น การเพิ่มรายได้ให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เป็นชาวต่างชาติ ประกันสิทธิประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของพวกเขา และปราบปรามการจ้างงานที่มิชอบด้วยกฏหมาย ต่างเป็นปัญหาสังคมที่รัฐบาลมาเลเซียต้องแก้ไขในเร็ววัน
In/Ldan