ดิฉันเป็นขาประจำชอบย่ำตลาด ไปที่ไหนไม่ได้เข้าตลาด เหมือนขาดอะไรสักอย่าง ให้เลือกระหว่างเดินห้างกับเดินตลาด ร้อยทั้งร้อยดิฉันเลือกตลาด แม้ใครจะว่าตลาดบางแห่งมตราฐานด้านความสะอาดยังตกหล่นอยู่บ้าง แต่เชื่อเถอะตลาดเป็นสถานที่ที่จะทำให้เราได้รู้วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ วัฒนธรรม สังคม เศรษฐกิจของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี
สองสัปดาห์ที่กลับมาปักกิ่ง สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการตระเวนดูว่า ช่วงเวลาที่หายหัวไปซุกตัวอยู่บ้านเกิดเมืองนอนหนึ่งปี คุณตลาดที่แดนมังกรมีอะไรที่แปลกใหม่ไปจากเดิม ด้วยเหตุนี้ตลาดน้อยใหญ่ 7 แห่งในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากซีอาร์ไอจึงเป็นเป้าหมาย หลังไปท่องจนน่องเมื่อยมาทุกตลาด ฟาดของอร่อยที่คุ้นเคยจากแต่ละตลาดมาแล้ว ก็อยากเจื้อยแจ้วให้ฟังดังนี้
๑. ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาด ประเด็นนี้ เริ่ดมากค่ะคุณขา ทุกตลาดสะอาดขึ้น เป็นระเบียบขึ้นเยอะ ของที่เคยเอามาวางขายแบกะดิน แทบไม่ปรากฏให้เห็น แต่ได้ขึ้นไปหรูอยู่ในร้าน อยู่บนแผง ทางการได้จัดการสร้างร้านค้าที่มีรูปแบบเหมือน ๆ กันให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าได้มาเซ้งเปิดร้าน เจ้าเดิมที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดียังมีอยู่ ขณะที่เจ้าใหม่ก็มีไม่น้อย ตลาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของชุมชนหย่วนหยางซันซุ่ย นั่นยิ่งเห็นการพัฒนาที่ชัดเจนมาก ๆ ตลาดแห่งนี้มีทั้งตลาดประจำและตลาดนัดที่ขายตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงเที่ยงวัน ในส่วนของตลาดประจำนี่เรียกได้ว่าพลิกโฉมไปเลยทีเดียวเพราะได้มีการทุบทิ้งอาคารเก่าที่เป็นชั้นเดียวแล้วสร้างอาคารใหม่เป็นอาคารสองชั้นในพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่าเดิม ร้านแต่ละร้านดูโอ่โถงน่าเดิน แม้ในส่วนที่เป็นตลาดสดประจำจะถูกเบียดบังพื้นที่เหลือน้อยลงทว่าแตะละแผงที่เขาสร้างเป็นแผงลาดเอียง 45 องศา ทำให้การจัดวางสินค้าดูเป็นระบบระเบียบ จุสินค้าได้มาก แถมที่พื้นก็สะอาดเนี้ยบกว่าเดิมมาก ส่วนตลาดเสื้อผ้า ตลาดข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ติดกันนั้นมีพื้นที่กว้างกว่าเดิม สังเกตดูว่า ลูกค้าหนาตากว่าแต่ก่อน เดิมทีตลาดแห่งนี้มีแต่ร้านแบรนด์จีน เดี๋ยวนี้มีแบรนด์นอกอย่างแมค โดนัลด์มายึดหัวหาด เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคเพิ่มขึ้น อาจเป็นเพราะตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับศูนย์จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อหรู ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิ้ลยู คาดิลแลค บูอิค การเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค เพื่อเรียกลูกค้าให้มาจับจ่ายมากยิ่งขึ้น จึงน่าจะเป็นโอกาสอันดีของผู้ประกอบการที่ชาญฉลาด
๒. สินค้าในร้านมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งชนิด ปริมาณรวมทั้งเกรดของสินค้า เรียกได้ว่า ผู้บริโภคต้องการแบบไหนเลือกได้เลย
๓. จำนวนร้านในตลาดสดส่วนใหญ่มีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น บางร้านจึงใช้วิธีการดึงดูดลูกค้าด้วยวิธีการลด แจก แถม อย่างซื้อฟัก แถมผักชี ซื้อต้นหอมแถมผักชี หรือส่วนเกินเหมาสองเหมาไม่คิด ยกให้ การที่มีร้านมากขึ้นทำให้เขาต้องแข่งกันขาย ผักผลไม้บนแผงต้องสดใหม่ ถั่วลิสงสดนี่ชัดเลย เมื่อก่อนซื้อมาก่อนต้มต้องมาคัดเม็ดที่อ่อนหรือเสียทิ้งไม่น้อย ตอนนี้สบายทุกเม็ดคัดมาแล้ว ผู้บริโภคได้ประโยชน์เต็ม ๆ
๔. คนเดินตลาดที่นี่ส่วนใหญ่มีรถเข็น เห็นผู้คนใช้รถเข็นขณะไปจับจ่ายกันมากขึ้น เพราะช่วยเบาแรง แล้วเจ้ารถเข็นที่ว่านี้ก็มีขนาดต่าง ๆ สามารถพับแล้วนำขึ้นรถได้อย่างสบาย ๆ สังเกตุดูว่าผู้ประกอบการหัวใสมักให้รถเข็นเป็นของแถม เช่นซื้อแชมพูพร้อมครีมนวดแพคใหญ่ ราคาร้อยกว่าหยวนก็จะได้รถเข็นเป็นของแถม เวลาซื้อของไม่ต้องหิ้วให้เมื่อยแขน แต่ละคนซื้อของกันไม่น้อย ได้ลองคุยกับหลายคนที่มาซื้อของเขาบอกว่าอาทิตย์หนึ่งจะซื้อของเพียงครั้งเดียว จึงต้องซื้อมากหน่อย
๕. ต่อรองราคาได้เยอะขึ้น ทั้งในตลาดสดและตลาดสินค้าโดยทั่วไป อย่างตอนนี้ย่างเข้าหน้าหนาว เสื้อ กางเกง หมวก ถุงมือ ผ้าพันคอ ผ้าห่ม ถุงเท้า ที่ตลาดมีขายเยอะมาก หลากยี่ห้อ หลายเกรด อย่างผ้าห่มที่เป็นผ้านวมจะมีทั้งผ้านวมสำเร็จ และอีกอย่างที่คนนิยมกันมากคือไปเลือกวัตถุดิบแล้วให้เขาเย็บเดี๋ยวนั้น เพื่อมั่นใจได้ว่า เป็นผ้านวมที่ใช้วัตถุดิบตามที่เราต้องการจริง ๆ ดิฉันไปยืนสังเกตุการณ์เขาจะต่อรองราคากันจนลงตัวก่อนลงมือตัดเย็บ ทุกร้านเปิดโอกาสให้ลูกค้าต่อรองจนพอใจ ได้มากได้น้อยค่อยว่ากันอีกที เสื้อกันหนาวที่คุณป้าคนหนึ่งลองแล้วหันมาตอบดิฉันว่าหนาวจัดก็ใช้ได้ สนนราคาอยู่ที่ตัวละ 125 หยวน ยังไม่ได้ต่อรอง มองดูแล้วก็สวยเชียว เจ้าของร้านเชียร์ว่าเป็นของใหม่ ถ้าใครที่ไม่ติดยี่ห้อ ก็ถือว่าน่าสนใจ จ่ายถูกกว่าตั้งเยอะ หากซื้อจากห้างน่าจะไม่ต่ำกว่า 500 หยวน
๖. คนจีนเป็นคนละเอียดในการซื้อของ วานนี้มีชายวัยกลางคนวนหาซื้อพุทราแห้งจากซินเจียงซึ่งเป็นพุทราลูกโต เนื้อเยอะ รสหวานอร่อย คุณภาพดี ดิฉันได้ยินพ่อค้าแม่ค้าที่ขายพุทราแห้ง 5 – 6 ร้านในตลาดนั้น บ่นกันว่า ลูกค้ารายนี้ ละเอียดมาก เลือกอยู่นั่นแหละ จะเอาของดีราคาถูกมาก ๆ ลูกโตเท่ากันหมดแต่ต่อราคาเยอะมากจนขายให้ไม่ได้ ในท้ายที่สุด ก็เห็นชายคนนี้วนกลับไปที่ร้านแรก ซื้อไปในราคาชั่งละ 30 หยวน นิสัยในเรื่องความละเอียดของคนจีนนี่น่าเอาอย่าง จำได้ว่าแรก ๆ ที่มาจีนมีเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานพามาเดินตลาด แนะนำว่า ผักแต่ละอย่างที่วางอยู่บนแผงเป็นผักอะไร เอามาทำอะไรได้บ้าง ก่อนซื้อให้เดินสำรวจราคาและคุณภาพให้ทั่วก่อนตัดสินใจ จะได้ได้ของดี ราคาไม่แพง หากมีเวลามาเดินตลาดทุกวัน ก็ควรซื้อของเฉพาะแค่พอกินในแต่ละวัน เพื่อจะได้ผักผลไม้ที่มีความสดใหม่ ไม่ใช่ซื้อที่ละมาก ๆ แล้วไปอัดกันอยู่ในตู้เย็น เห็นอีกทีอาจใกล้เน่าเสีย ไม่คุ้มค่ากับที่ใช้จ่ายไป
๗.ราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นมากบ้างน้อยบ้าง อย่างที่เห็นชัดเจนว่ามีราคาเพิ่มขึ้นมากหน่อยคือในกลุ่มของเห็ดชนิดต่าง ๆ สนนราคาอยู่ที่ชั่งละ ๘ – ๑๐ หยวน ปีก่อน ๔ – ๖ หยวนก็ถือว่าแพงแล้ว ยกเว้นเห็ดฟางชั่งละ ๑๕ หยวน แพงมาก มะเขือเทศลูกโต ราคาชั่งละ ๔ – ๖ หยวน ปีก่อน ๒.๕๐ – ๓.๕๐ หยวน มะนาวจีนลูกละ ๓.๕๐ หยวน แต่เมื่อเทียบราคาสินค้าโดยรวมระหว่างจีนกับไทยแล้ว ก็ต้องยอมรับว่า ค่าครองชีพที่นี่แพงกว่าบ้านเรา
หากมีโอกาสมาเที่ยวจีน อย่าลืมท่องตลาดจีนโดยเฉพาะตลาดสด จะได้เห็นอะไรอะไรที่ไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือว่าวิถีในการจับจ่ายของผู้คน รับรองได้ว่าไม่ผิดหวังค่ะ
---------------------------------------------------------------------------------------------