อิหร่านและประชาคมโลกต่างรู้สึกยินดีต่อเรื่องนี้ โดยนายอยาตอลลาห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวแสดงความชื่นชมว่า ความคืบหน้านี้เป็นการปูพื้นฐานให้กับการใช้มาตรการในวันข้างหน้า แต่ขณะเดียวกัน อิสราเอลแสดงความไม่พอใจต่อการลงนามข้อตกลงดังกล่าว
ในวันเดียวกัน นายหวาง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า การลงนามข้อตกลงดังกล่าวแสดงว่าการแก้ไขปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยวิธีทางการทูตประสบความคืบหน้าสำคัญ
นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกากล่าวแสดงความชื่นชมว่า ข้อตกลงฉบับนี้จะนำไปสู่การแก้ปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างทั่วด้าน และนับเป็นครั้งแรกที่โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกระงับเป็นการชั่วคราวตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า ข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่านไม่ใช่ข้อตกลงที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กลับเป็นความผิดทางประวัติศาสตร์ เพราะข้อตกลงฉบับนี้ทำให้อำนาจรัฐที่อันตรายที่สุดในโลกก้าวสู่ประเทศผู้ครองอาวุธที่อันตรายที่สุดในโลกมากขึ้น ซึ่งจะทำให้โลกยิ่งมีความอันตรายมากขึ้น อิสราเอลจะไม่ถูกผูกมัดด้วยข้อตกลงฉบับนี้ และจะไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์อีกต่อไป อิสราเอลจะสงวนสิทธิ์ป้องกันตนเองยามจำเป็น