วันที่ 1 ธันวาคมปี 2013 เป็นวันครบรอบ 70 ปีที่จีน สหรัฐและอังกฤษได้ลงนามในแถลงการณ์ไคไร โดยกำหนดอย่างชัดแจ้งจะลงโทษพฤติกรรมการรุกรานของญี่ปุ่นตลอดจนการจัดการต่อปัญหาญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งได้เปิดหน้าใหม่ต่อการสร้างระเบียบสากลหลังสงคราม ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาเอเชียตะวันออกจากเกาหลีใต้และเยอรมนีพากันลงบทวิจารณ์ระบุว่า แถลงการณ์ไคโรเป็นกฎเกณฑ์อย่างสันติในการสร้างระเบียบสากลหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องปฏิบัติตาม
นายลีวานบูม ศาสตราจารย์จากสภาวิจัยส่วนกลางของเกาหลีใต้ระบุว่า แถลงการณ์โคไรได้ประกาศว่า ประเทศพันธมิตรจะร่วมกันสู้รบกับญี่ปุ่น และรับรองว่าจะจัดการกับผู้ก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งเป็นแถลงการณ์ตักเตือนญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกราน แถลงการณ์ไคโรยังกำหนดการสังกัดของดินแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกที่ถูกญี่ปุ่นยึดครองและระเบียบหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นเอกสารทางการฉบับแรกที่ได้กำหนดขอบเขตพรมแดนของญี่ปุ่น แถลงการณ์ไคโรคัดค้านญี่ปุ่นรุกรานจีนและคาบสมุทรเกาหลี บังคับญี่ปุ่นคืนดินแดนที่ถูกยึดครองทั้งหมด
นายคาร์ล ฟิลนิง ผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาเอเชียตะวันออกของเยอรมนีระบุว่า แถลงการณ์ไคโรที่ลงนามเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมปี 1943 ได้เรียกร้องญี่ปุ่นต้องคืนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคที่เข้ายึดครองหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งหมด และคืนดินแดนที่ยึดครองทั้งหมดให้จีน แถลงการณ์พอทสดัมที่ลงนามเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1945 กำหนดว่า เนื้อหาของแถลงการณ์ไคโรต้องปฏิบัติตามอย่างจริงจัง แต่ว่าเวลาผ่านไป 70 ปีแล้ว นายชินโซ อาเบะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังหมายจะแก้ไขรัฐธรรมนูญสันติภาพญี่ปุ่น นับเป็นการท้าทายแถลงการณ์ไคโรและแถลงการณ์พอทสดัม
นายคาร์ล ฟิลนิงยังชี้ให้เห็นว่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ญี่ปุ่นไม่ได้สำนึกผิดเท่าที่ควรต่อการก่อสงครามโลกครั้งนี้ และใช้ท่าทีที่ผิดต่อประวัติศาสตร์ช่วงนี้ ตามแถลงการณ์ไคโร ญี่ปุ่นจำเป็นต้องคืนเกาะในมหาสมุทรแปซิฟิคที่เข้ายึดครองในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ทั้งหมด และคืนดินแดนของจีนที่ถูกยึดครองไปด้วย แถลงการณ์พอทสดัมนอกจากได้กำหนดไว้ว่า เนื้อหาในแถลงการณ์ไคโรต้องได้รับการปฏิบัติตามอย่างจริงจังและยังกำหนดขอบเขตพรมแดนของญี่ปุ่นด้วย
YIM/LJ