เมื่อเร็วๆ นี้ นายเฉิน ชิ่งเหวิน รองศาสตราจารย์คณะนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยการจัดการแห่งสิงคโปร์ลงบทความในหัวข้อ "ปี 2013 ที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสิงคโปร์ได้รับการพัฒนาอย่างลุ่มลึก" โดยเห็นว่านับตั้งแต่สองประเทศสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเดือนตุลาคมปี 1990 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างสองประเทศใกล้ชิดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนี้ ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นวาระสำคัญที่ความสัมพันธ์ทางการทูตสองประเทศครบ 25 ปี
ปี 2013 เป็นวาระครบรอบ 10 ปีของการจัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างจีนกับสิงคโปร์ที่มีสมาชิกเป็นผู้นำระดับสูงของสองฝ่าย เป็นการประชุมทวิภาคีระดับสูงสุด ครอบคลุมการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่แม้จะแตกต่างกัน เพื่อให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
จีนได้มอบหมายให้นายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีจีน และกรรมการประจำกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นประธานฝ่ายจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานฝ่ายจีนเป็นระดับกรรมการกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นการส่งสัญญาณสำคัญว่า จีนต้องการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้สูงขึ้นอีกขั้นในระดับยุทธศาสตร์
รองศาสตราจารย์เฉิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หากลองจินตนาการว่า จีนกับสิงคโปร์ร่วมมือกันพัฒนาเมืองสีเขียวในเมียนมาร์ และอินเดีย ไม่เพียงแต่ความร่วมมือนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสองฝ่ายแต่ยังเป็นผลดีแก่ประเทศที่สามด้วย สามารถพัฒนาเมืองขนาดกลางและเล็ก โดยใช้ตัวอย่างจากระบบนิเวศน์ที่เทียนจิน ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือระหว่างจีนกับสิงคโปร์ ประเด็นนี้ก็เป็นประเด็นที่น่าพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับการที่สิงคโปร์พยายามเข้าร่วมการพัฒนาภาคตะวันตกของจีน และการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
รองศาสตราจารย์เฉิน กล่าวว่า ที่ชัดเจนคือ จีนตระหนักถึงความสนใจของสิงคโปร์ในการเข้าร่วมการพัฒนาเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กของจีน สิงคโปร์มีโอกาสที่จะเข้าร่วมโครงการต่างๆ ช่วยพัฒนาพื้นที่ยากจนของจีน โดยนำประสบการณ์ของตนเองมาประยุกต์ใช้ได้
(nune/cici)
