ปฏิบัติการไปคารวะศาลเจ้ายาสุคุนิของนายซินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นการแสดงว่า ลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นยังไม่ล้มหายตายจาก ประชาชนประเทศต่างๆ ในเอเซียที่ถูกลัทธิรัฐทหารย่ำยีควรสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกัน เปิดโปงเพทุบายความทะเยอทะยานของนายอาเบะ นายอาเบะต้องสำนักผิดจากก้นบึ้งต่อประเทศและประชาชนจีน เกาหลีใต้และประเทศอื่นๆในเอเชีย ต้องขอขมากรรมและชดเชย
ขณะกล่าวถึงกรณีที่นายซินโซ อาเบะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปคารวะศาลเจ้ายาสุคุนิเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมปีที่ 2013 นางเส่น หุ้ยเจิง ชาวจีนโพ้นทะเลที่อินโดนีเซีย ผู้สื่อข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์ฮาเรียน นูซานทารา (Harian Nusantara) ยังรู้สึกเคียดแค้นมาก
นางเส่น หุ้ยเจิงเกิดจังหวัดกาลิมันตันตะวันตกอินโดนีเซียเมื่อปี 1932 เมื่ออายุ 11 ขวบ คือ ปี 1943 ได้เห็นทหารญี่ปุ่นรุกรานอินโดนีเซียกับตาของตน
ลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นสังหารผู้บริสุทธิ์ ขดขี่ชาวบ้าน ทำให้ประชาชนรู้สึกเคียดแค้นชิงชังมาก นายเส่นหุ้ยทบทวนว่า ตอนเด็กๆ ยังฟังข่าว ชาวญี่ปุ่นยังจับกุมบรรดาชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ที่เมืองพอนเทียนนัค (pontianak) จังหวัดกาลิมันตันตะวันตก และยังฝังทั้งเป็นผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลตลอดจนผู้รักชาติจำนวนมาก
นางเส่น หุ้ยเจิงกล่าวว่า 60 ปีผ่านไปแล้ว แต่ผู้นำญี่ปุ่นไม่เพียงแต่ไม่ยอมสำนักผิด กลับใช้กำลังรุนแรงเพิ่มกำลังทหารเพื่อท้าทาย ซึ่งแสดงว่า ลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นยังไม่ล้มหายตายจาก ปัจจุบัน นายอาเบะยังชูธงสันติภาพเพื่อฟื้นฟูลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่น ไปคารวะศาลเจ้ายาสุคุนิโดยไม่สนใจการคัดค้านอย่างแข็งกร้าวของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งย่อมจะปลุกกระแสความเคียดแค้นชิงชังของประชาชนในเอเซียมากขึ้น
ในฐานะเป็นผู้สื่อข่าว นางเส่น หุ้ยเจิงได้สังเกตว่า หลายวันมานี้ สื่อมวลชต่างๆในโลกพากันรายงานข่าวการกระทำที่ผิดของนายอาเบะครั้งนี้ และประณามพฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กระทั่งสมาชิกสภาพรรคฝ่ายค้านญี่ปุ่นตลอดจนหนังสือพิมพ์สำคัญๆของญี่ปุ่นก็ประณามพฤติกรรมที่ผิดพลาดของนายอาเบะด้วย
นางเส่น หุ้ยเจิงเชื่อมั่นว่า ผู้ที่รับรู้และเห็นกับตาในเหตุการณ์รุกรานที่เลวร้ายของลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่น ต่างทราบว่าญี่ปุ่นเคยก่ออาชญากรรมที่เหี้ยมโหดในประเทศเอเชีย ประเทศต่างๆ ที่ถูกญี่ปุ่นรุกรานในเอเชียควรสามัคคีกันเปิดโปงเพทุกายความทะเยอทะยานของนายกรัฐมนตรีอาเบะของญี่ปุ่น
(LJ)