เมื่อวันที่ 27 มกราคมนี้ นายหวัง ฉีซาน เลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบวินัยกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนรายงานเกี่ยวกับการปราบปรามคดีทุจริต โดยย้ำว่าต้องเพิ่มมาตรการและกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อติดตามตัวข้าราชการทุจริตที่หนีไปต่างประเทศ พร้อม เอาเงินกลับคืนมาให้ได้ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านปัญหาการปราบปรามคดีทุจริตจีนกล่าวว่า รายงานฉบับนี้ได้ส่งสัญญาณชัดเจนมากว่า ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นมา ประเทศจีนจะเน้นหนักในการปรับปรุงกลไกติดตามให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะหนีไปที่ไหน ทางการจีนจะตามหาเพื่อนำตัวกลับมาลงโทษให้ได้
ปรากฎการณ์ที่ข้าราชการทุจริตหลบหนีไปต่างประเทศพร้อมหอบเงินไปด้วย เริ่มต้นเมื่อทศวรรษ 1980 มีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่ทำให้เงินทุนจำนวนมหาศาลไหลออกนอกประเทศ แต่ยังมีผลกระทบอันร้ายแรงต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายและภาพลักษณ์ของรัฐบาลจีน
แม้ว่ายังไม่มีการประกาศจำนวนและรายละเอียดของข้าราชทุจริตที่หนีไปต่างประเทศ แต่คาดว่าจะมีจำนวนมาก เพราะนายเฉา เจี้ยนหมิง อธิบดีกรมอัยการสูงสุดแห่งชาติจีนเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยในเรื่องทุจริตมากถึง 6,694 ราย
ประเทศที่ข้าราชการเหล่านี้หลบหนีไปอาศัยอยู่ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดาและออสเตรเลีย จีนใช้วิธิการติดตามทั้งผ่านข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน ขอความร่วมมือส่งตัวคืน และชักชวนให้กลับมาแลกกับเงื่อนไขต่างๆ
ปีค.ศ. 2004 เอฟบีไอของสหรัฐ ส่งตัว นายอวี๋ เจิ้นตง อดีตประธานธนาคารแห่งประเทศจีน (China Bank) สาขาเมืองไคผิง มณฑลกวางตุ้ง มาให้ทางการจีน นับเป็นข้าราชการคนแรกที่ติดตามกลับมาได้ นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ถึงแม้ไม่ได้มีการลงนามข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนทวีภาคี แต่ก็ยังสามารถตามหาโดยผ่านกลไกอื่น ๆ
ทุจริตเป็นปรากฏการณ์ที่มีอยู่ทั่วโลกและเป็นภัยต่อความมั่นคง หลายปีมานี้ แนวโน้มคดีทุจริตข้ามชาติมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความร่วมมือระหว่างนานาชาติ
ประเทศจีนได้เข้าร่วมกับองค์การตำรวจสากล เพื่อปราบปรามคดีทุจริต และได้รับการอนุมัติเข้าร่วมสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งสนธิสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริตในปี ค.ศ. 2003 และปี ค.ศ. 2005 จนถึงเดือนพฤษภาคม ปีค.ศ. 2013 ประเทศจีนได้ลงนามในสนธิสัญญาความช่วยเหลือตุลาการด้านแพ่งและอาชญากรกับประเทศ 49 ประเทศ และได้ลงนามในข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับ 36 ประเทศแล้ว
Nune/Zi