ซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายกวนหวาปิน เอกอัครราชทูตจีนประจำลาวลงบทความยาวโดยมีหัวข้อว่า มีแต่ถือประวัติศาสตร์เป็นอุทาหรณ์ จึงสามารถมุ่งสู่อนาคตได้ และใช้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างมากมาหักล้างคำอธิบายของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปคารวะศาลเจ้ายาสุคูนิ ซึ่งเป็นที่วางป้ายวิญญาณผู้ก่ออาชญากรรมสงครามโลกครั้งที่ 2 และกล่าวว่า การที่ญี่ปุ่นเดินทางไปคารวะศาลเจ้ายาสุคูนินั้นได้ท้าทายบทสรุปและระเบียบระหว่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
บทความยังระบุว่า เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า กว่าร้อยปีมานี้ ลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นได้นำมาซึ่งภัยพิบัติมากมายต่อประเทศในเอเซีย ในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างปี 1940-1945 ญี่ปุ่นได้รุกรานเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างอุกอาจ ได้ทำลายพลพรรคของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นในประเทศเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ทำลายวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น กอบโกยทรัพย์สินที่ลาวและเวียดนาม บังคับให้ประชาชนในประเทศดังกล่าวขยายพื้นที่การปลูกฝ้ายและต้นฝ้าย ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการทำสงครามให้กว้างขึ้น ใช้จ่ายเงินของทหารโดยไม่มีการจำกัด ทำให้ประเทศเหล่านี้เกิดสภาพเงินเฟ้อที่ร้ายแรง ประชาชนในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องประสบปัญหาหิวโหยหนาวเย็น สถิติรายงานว่า ระหว่างปี 1944-1945 ในเวียดนามประเทศเดียว ได้มีผู้เสียชีวิตอันเนื่องจากการขาดอาหารจำนวน 2 ล้านคน ซึ่งเป็นประมาณ 1 ใน 10 ของประชากรทั้งหมด นอกจากนั้น ทหารญี่ปุ่นได้ก่อการสังหารโหดที่มะนิลาเมื่อปี 1945 ทำให้ชาวฟิลิปปินส์นับ 100,000 คนเสียชีวิต และยังบังคับแรงงานที่ชวานับ 500,000คนไปสร้างทางรถไฟและสิ่งก่อสร้างทหารในต่างประเทศ ทำให้คนจำนวน 230,000 คน ต้องเสียชีวิตในต่างประเทศ และยังบังคับแรงงานมาเลเซีย 80,000 คนไปสร้างทางรถไฟไทยเมียนมาร์ เป็นเหตุให้ผู้เสียชีวิตอีก 40,000 คน
บทความดังกล่าวยังระบุว่า ท่าทีการไปคารวะศาลเจ้ายาสุคูนิ มีเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์ที่มืดดำและเปื้อนไปด้วยเลือด อิทธิพลฝ่ายขวาในญี่ปุ่นอาจจะลืมด้วยมีเจตนา แต่ในจิตใจของประชาชนประเทศเอเซีย รวมทั้งจีน ลาว เป็นต้น ซึ่งถูกญี่ปุ่นรุกรานนั้น ประวัติศาสตร์ช่วงนี้จะลบล้างไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ การที่ผู้นำญี่ปุ่นไปคาวระศาลเจ้ายาสูคูนิจะไม่เป็นปัญหาทางการเมืองภายในประเทศหรือปัญหาส่วนตัวเท่านั้น และก็ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างจีน เกาหลีเหนือ และเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเท่านั้น อันที่จริงคือ ญี่ปุ่นหมายจะปฏิเสธหรือตกแต่งภาพลักษณ์ต่อลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่นและประวัติศาสตร์การรุกรานและการปกครองทางอาณานิคมในประเทศเอเชียของญี่ปุ่น ซึ่งได้ท้าทายข้อตกลงระหว่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
Yim/LJ