เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศข้อมูลสถิติด้านการค้าประจำปี 2013 โดยยอดการค้า 3.91 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขนี้ต่ำกว่า 4.16 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นยอดมูลค่าการค้าของจีนที่เปิดเผยโดยสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน แสดงให้เห็นว่า จีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มียอดการค้ามากที่สุดของโลก แต่นักวิเคราะห์เห็นว่า จีนยังต้องเดินทางอีกไกลเพื่อพัฒนาเป็นประเทศที่มีการค้าเข้มแข็งเกรียงไกร
ถึงแม้จีนก้าวสู่การเป็นประเทศที่มียอดการค้ามากที่สุดของโลก นักธุรกิจจีนกลับไม่ได้รู้สึกเท่าไร เพราะยังมีวิสาหกิจมากมายที่ไม่ได้กำไรจากยอดการนำเข้าส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางจาง เม่อหนัน นักวิจัยจากศูนย์แลกเปลี่ยนเศรษฐกิจนานาชาติของจีนอธิบายมาตรฐานของประเทศที่มีการค้าเข้มแข็งเกรียงไกรว่า
"ประเทศที่มีการค้าเข้มแข็งเกรียงไกร ต้องมียอดการค้าที่สูงมาก และคุณภาพการค้าก็ต้องดีด้วย หมายถึงศักยภาพการแข่งขัน ส่วนแบ่งในตลาดโลก และมูลค่าเพิ่มจากการค้า จึงสรุปได้ว่า การค้าสามารถนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติที่แท้จริงให้แก่ประเทศ พิจารณาจากแนวโน้มการค้าทั่วโลก ประเทศขนาดใหญ่ด้านการค้า เช่น ประเทศพัฒนา ให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นต่อสัดส่วนภาคบริการในการค้าทั้งหมดของประเทศ ซึ่งยอดการค้าบริการมักจะครองสัดส่วนสูงมากในยอดการค้าทุกประเภทของประเทศพัฒนา"
นักวิจัยผู้นี้ชี้เห็นว่า ขณะนี้ จีนเพียงแค่เดินก้าวแรกในการพัฒนาเป็นประเทศที่มีการค้าเข้มแข็งเกรียงไกร เนื่องจากได้ดำเนินการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและยกระดับอุตสาหกรรม จีนจะแข่งขันกับประเทศพัฒนาในด้านเทคโนโลยีระดับสูงให้มากขึ้นในอนาคต และจะต้องเผชิญกับข้อพิพาททางการค้ามากขึ้น ดังนั้น รัฐบาลควรส่งเสริมให้วิสาหกิจเพิ่มการลงทุนในต่างประเทศ นำเข้าเทคโนโลยีระดับสูง จัดสรรทรัพยากรให้สมดุลจากทั่วโลก พยายามก้าวสู่การเป็นประเทศที่เข้มแข็งเกรียงไกรในด้านการค้า
IN/FENG