สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 17 มีนาคมนี้ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียลงนามในคำสั่งประธานาธิบดี รับรอง เอกราช และอธิปไตยของไครเมีย ขณะที่นายโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครนกล่าวว่า ยูเครนไม่มีวันที่จะยอมรับผลการลงประชามติของไครเมียได้

นักวิเคราะห์เห็นว่า การลงประชามติของไครเมียทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไครเมียกับ รัสซียทวีความตึงเครียดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยูเครนต้องพึ่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างมาก ดังนั้น หากยูเครนแยกทางกับรัสเซียโดยสิ้นเชิง ยูเครนอาจต้องประสบกับความยากลำบากนานัปการ

นายโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครน กล่าวเมื่อวันที่ 17 มีนาคมนี้ว่า ยูเครนจะพยายามหลีกเลี่ยงสงครามและการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของประชาชน แต่ขณะนี้ ยูเครนกำลังเผชิญกับการคุกคามทางทหารอย่างแท้จริง ดังนั้น เขาจึงจำเป็นต้องลงนามในคำสั่งรักษาการประธานาธิบดี เพื่อระดมกำลังรับมือกับการคุกคาม ซึ่งรัฐสภายูเครนได้ลงมติผ่านคำสั่งดังกล่าวนี้แล้ว ขณะนี้ ชาวยูเครนจำนวนมากได้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร หรือกองกำลังปกป้องประเทศชาติแล้ว อย่างไรก็ตาม ยูเครนจะเจรจากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป แต่จะไม่ยอมรับเรื่องรัสเซียผนวกไครเมียเด็ดขาด

วันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า เนื่องจากสถานการณ์ในไครเมียเกิดการเปลี่ยนแปลง ยูเครนได้เรียกเอกอัครราชทูตยูเครนประจำรัสเซียกลับประเทศ เพื่อพิจารณาหารือในกิจการระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

ก่อนหน้านี้ นายอาร์เซนีย์ ยัตเซนยุค นายกรัฐมนตรียูเครนเผยว่า จะลงนามในข้อตกลงทางการเมืองกับสหภาพยุโรปในวันที่ 21 นี้ แต่นักวิเคระห์เห็นว่า ยูเครนยังคงจะต้องพึ่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียอย่างมาก จึงยังไม่พร้อมที่จะแยกทางกับรัสเซียโดยสิ้นเชิง

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลยูเครนจำนวนหนึ่งเห็นว่า การตัดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับรัสเซียในขณะนี้ไม่เป็นหนทางที่ ถูกต้อง จึงอยากเห็นยูเครนและรัสเซียยุติข้อขัดแย้งกันด้วยวิถีทางการทูต เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ล่าสุด นายโอเล็กซานเดอร์ ตูร์ชินอฟ รักษาการประธานาธิบดียูเครนแสดงท่าทีว่า ยูเครนจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหาทางออกแก้ข้อพิพาทกับรัสเซียด้วยวิถีทางการทูต

(YIM/cai)