ปีนี้เป็นปีที่พลโทซูสิโล บัมบัง ยุโดโยโน ประธานาธิบดีจะหมดวาระสมัยที่ 2 ตามกฎหมายอินโดนีเซีย วาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจะติดต่อกันเกิน 2 วาระไม่ได้ ดังนั้น การต่อสู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้จึงมีแนวโน้มดุเดือดมาก โดยมีพรรคการเมือง 12 พรรคเข้าชิงที่นั่งรัฐสภา มีเพียงพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 เท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์เสนอชื่อผู้เข้าร่วมชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี
อย่างไรก็ตาม โพลฉบับล่าสุดปรากฏว่า ครั้งนี้จะไม่มีพรรคการเมืองใดๆ ได้รับเสียงสนับสนุนเกินร้อยละ 25 ดังนั้น จึงต้องจับมือกับพรรคอื่นเป็นพรรคพันธมิตร ซึ่งเป็นทางเลือกทางเดียวสำหรับทุกพรรค
นายโจโค วิโดโดเป็นดาวรุ่งทางการเมืองของอินโดนีเซียในปีหลังๆ นี้ เขาเกิดในครอบครัวยากจน รูปร่างผอมบาง แต่มุ่งปฏิบัติจริงและมีความใกล้ชิดกับประชาชน จึงได้รับความชื่นชมจากประชาชนมาก การปรากฏตัวของเขาสามารถคลี่คลายวิกฤตต่างๆ ลงได้เสมอ จึงได้รับยกย่องว่าเป็น "ผู้สลายความยุ่งยาก" นายโจโค วิโดโดดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองโซโลระหว่างปี 2005-2010 และดำรงตำแหน่งอีกสมัยปี 2010 ต่อมาในปี 2012 เขาเข้าดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงจาการ์ตาด้วยเสียงสนับสนุนล้นหลาม
การปรากฏตัวของนายโจโค วิโดโดจะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงสนับสนุนของพรรคอื่นๆ โดยตรง อย่างอดีตนายพลปราโบโว ซูเบียนโต ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเกอรินดร้าก็เป็นหนึ่งในผู้ชิงตำแหน่งฯ ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะว่าก่อนหน้านี้ในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2009 เขาในฐานะผู้ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีคู่กับนางเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี เคยร่วมลงนามสัญญา ระบุว่า พรรคพีดีไอ-พีจะสนับสนุนพรรคเกอรินดร้าในการเลือกตั่วทั่วไปคราวหน้า แต่ครั้งนี้พรรคพีดีไอ-พีกลับเสนอนายโจโค วิโดโดเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จึงเท่ากับเป็นการตีแสกหน้านายปราโบโว ซูเบียนโตอย่างจัง
(YIM/LING)