นายกฯ จีนระบุว่า การจะไปถึงเป้าหมายลดระดับการใช้พลังงานต่อหน่วยจีดีพีให้น้อยลงร้อยละ 3.9 ควบคู่กับการให้เศรษฐกิจเติบโตในอัตราประมาณร้อยละ 7.5 นั้น นับเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หนทางการพัฒนาเศรษฐกิจจะต้องเผชิญกับแรงกดดันขาลงและการท้าทายต่างๆ ก็ตาม แต่ยังคงต้องเดินหน้าลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษให้น้อยลงอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ต้องตระหนักว่า การลดใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษให้น้อยลงกับการส่งเสริมการพัฒนาไม่ได้ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ที่สำคัญที่สุดคือต้องประสานกันให้ดี หาจุดสมดุลระหว่างสองสิ่งนี้อย่างเหมาะสม ถึงแม้การยกเลิกกำลังการผลิตที่ล้าหลัง การสั่งปิดโรงงานที่ใช้พลังงานมากและปล่อยมลพิษมาก จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตก็ตาม แต่ก็จะสร้างโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมที่เจริญขึ้นใหม่ เช่น พลังงานใหม่ ธุรกิจชนิดใช้พลังงานไม่มากและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น จึงควรจับโอกาสนี้ให้ดี ทั้งรุกและถอย ควบคุมยอดปริมาณการใช้จ่ายพลังงาน ยกประสิทธิภาพให้สูงขึ้น ปรับโครงสร้างพลังงานให้ดี ส่งเสริมพลังงานสะอาดชนิดต่างๆ อาทิ ไฟฟ้าที่กำเนิดจากพลังลม นิวเคลียร์ น้ำ และโซล่าเซลล์ ซึ่งทั้งประหยัดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนส่งเสริมเครือข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และลดสัดส่วนการใช้ถ่านหินให้น้อยลงอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ จีนยังระบุด้วยว่า ควรมุ่งส่งเสริมภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น ลดการใช้พลังงานและปล่อยมลพิษให้น้อยลง ตลอดจนพัฒนาแบบคาร์บอนต่ำ
(YIM/LING)