เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ฟิลิปปินส์ไม่สนใจต่อจุดยืนรัฐบาลจีนที่ไม่ยอมรับกับการที่ให้ศาลสหประชาชาติ(ศาลยูเอ็น)ตัดสินกรณีพิพาทเกาะหวงเหยียน กลับยื่นฟ้องศาลยูเอ็นโดยลำพังฝ่ายเดียว ซึ่งรัฐบาลจีนได้แสดงท่าทีคัดค้านฟิลิปปินส์อย่างเด็ดเดี่ยวที่ฝืนอ้างขั้นตอนกฎหมายสากลมากดดันจีน พร้อมเน้นย้ำว่า จุดมุ่งหมายของฟิลิปปินส์ย่อมไม่กระทบจุดยืนและการกระทำแบบต่อเนื่องเพื่อจัดการปัญหาทะเลจีนใต้ของรัฐบาลจีน

เป็นที่ทราบทั่วไปแล้วว่า หมู่เกาะเหนือทะเลจีนใต้ ซี่งรวมทั้งหมู่เกาะหนันซา เป็นดินแดนของจีนตั้งแต่สมัยโบราณ ครั้นถึงทศวรรษ 1970 ฟิลิปปินส์วางแผนที่จะฮุบเกาะหนันซา และส่งทหารไปบุกรุกเกาะและหินโสโครกบางแห่งของจีนอย่างไม่สนใจผิดถูก เป็นการฝ่าฝืน "กฎบัตรสหประชาชาติ" และหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รัฐบาลจีนคัดค้านต่อการนี้มาตลอด และเรียกร้องฟิลิปปินส์หลายครั้งแล้วให้ถอนกำลังออกจากดินแดนของจีน

สำหรับช่องทางแก้ไขกรณีพิพาททะเลจีนใต้ รัฐบาลจีนมีท่าทีมาโดยตลอดว่า ควรให้ประเทศคู่กรณีเจรจากันเพื่อหาทางแก้ปัญหา แต่ฝ่ายฟิลิปปินส์กระทำสวนทางกับความเห็นร่วมกันของสองประเทศที่เคยตกลงไว้ในอดีต และ "แถลงการณ์ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับทะเลจีนใต้(Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea)" นับเป็นพฤติกรรมที่ปราศจากความน่าเชื่อถือระดับประเทศ ดังนั้น จุดยืนจีนที่ไม่ยอมรับต่อการนี้จึงสมเหตุสมผล และมีหลักฐานทางกฎหมายด้วย

ปัจจุบัน ภายใต้ความพยายามของจีนและประเทศอาเซียนส่วนใหญ่ สถานการณ์เหนือทะเลจีนใต้นับว่ามั่นคงในภาพรวม จีนคำนึงถึงความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปปินส์ สันติภาพและความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมุ่งใช้ความพยายามแก้ข้อพิพาทกับฟิลิปปินส์ด้วยการเจรจา สองฝ่ายก็ได้บรรลุความเห็นร่วมกันที่สำคัญแห่ง "การดำเนินความร่วมมืออย่างเป็นขั้นตอน เจรจาแก้ข้อพิพาทให้ได้ในที่สุด" และเคยดำเนินการมาแล้วอย่างดี

จีนยินดีที่จะรักษาสันติภาพและความมั่นคงบนทะเลจีนใต้ รวมถึงปรับปรุงความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์ให้ดีขึ้น มีความมั่นใจและความอดทนที่จะเจรจากับฟิลิปปินส์โดยตรง ทั้งๆ ที่ฟิลิปปินส์มุ่งปิดประตูการเจรจาแต่เพียงฝ่ายเดียว จึงเร่งรัดให้ฟิลิปปินส์แก้ไขความผิด รักษาคำมั่นสัญญาของตนเองและกลับสู่หนทางแก้ปัญหาผ่านการเจรจาแบบทวิภาคีโดยเร็ว

YIM/FENG