สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลชั้นสูง นักธุรกิจ และผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศในเอเชียได้เข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว โดยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า ต้องเร่งผลักดันกระบวนการความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจ เพื่อสร้างอนาคตอันดีงามของภูมิภาคเอเชีย
ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการถอนนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทำให้ประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียหลายประเทศ ต้องประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจหลาย อย่าง เช่น ทุนต่างประเทศไหลออก ค่าเงินอ่อนตัว เศรษฐกิจชะลอตัว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ประเทศตลาดเกิดใหม่นอกจากจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนา เศรษฐกิจ เพื่อสร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจภายในแล้ว ยังต้องเร่งผลักดันกระบวนการความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจในภูมิ ภาคเอเชีย เพื่อได้สร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจภายนอกด้วย
จากประสบการณ์ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วของเอเชียมีสาเหตุส่วนหนึ่ง เกิดจากโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ และความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจของเอเชีย ขณะนี้ เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเปราะบางมาก ด้วยเหตุนี้ ประเทศต่างๆในเอเชียจึงต้องร่วมกันผลักดันกระบวนการความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจของเอเชีย ด้วยการเร่งพัฒนาเขตการค้าเสรีระดับภูมิภาค เพื่อ ลดช่องว่างระดับความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาคเอเชียกับสหรัฐอเมริกาและยุโรป
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ ปีหลังๆ นี้ กระบวนการความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจที่เคยก้าวคืบหน้าอย่างรวดเร็วนั้นชะลอตัวลง รายงานประจำปี 2014 ที่ฟอรัมโป๋อ๋าวประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ระบุว่า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อนมาก ทำให้การค้า และกระบวนการความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจในเอเชียชะลอตัวลง อย่างมาก
นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในพิธีเปิดประชุมประจำปีของฟอรั่มเอเชีย โป๋อ๋าวว่า ความเป็นหนึ่งเดียวทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคเป็นประโยชน์ต่อทุก ประเทศในภูมิภาคนี้ ประเทศต่างๆ จึงต้องร่วมกันส่งเสริมเสรีทางการค้า และอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน ยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคให้สูงขึ้นอีกขั้นหนึ่ง
นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นว่า ความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค ที่เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่าง 10 ประเทศอาเซียน กับคู่ภาคีที่มีอยู่ 6 ประเทศ คือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ (RCEP) สอดคล้องกับสภาพการพัฒนาของประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ผู้นำประเทศต่างๆ ในภูมิภาคนี้จึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้น เพื่อให้ความตกลงดังกล่าวปรากฏเป็นจริงขึ้นโดยเร็ว
(YIM/cai)