สำนักงานสถิติแห่งชาติของอินโดนีเซียประกาศเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียในไตรมาสแรกอยู่ที่ 5.2% ต่ำกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วคือ 5.7% ถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์คือ 5.6%
เศรษฐกิจของอินโดนีเซียหลายปีมานี้ มีแนวโน้มเติบโตในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2012 อยู่ที่ 6.3% เป็นรองจากประเทศจีนเท่านั้น แต่ครึ่งหลังของปี 2013 เนื่องจากการส่งออกลดลง ทำให้อัตราการเติบโตลดลงตามไปด้วยไตรมาสแรกของปีนี้ จึงเหลือเพียง 5.2% เท่านั้น
สาเหตุที่ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียชะลอตัวลงมี 3 ประการ คือ
1. การส่งออกลดลง อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ บริมาณการส่งออกแร่นิกเกิล ดีบุก และถ่านหินมากเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ส่วนบริมาณแหล่งแร่ธาตุทองแดงอยู่อันดับที่ 5 ของโลก
นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันปาล์มสูงมาก การขุดเจาะน้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติก็อยู่ระดับแนวหน้าของเอเชีย แต่ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคมของปีที่ผ่านมา อินโดนีเซียได้อนุมัติคำสั่งห้ามส่งออกแร่ธาตุ ได้จำกัดการส่งออกแร่ธาตุโดยตรง จนทำให้การส่งออกลดลง การที่อินโดนีเซียประกาศคำสั่งดังกล่าวเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต
ประการที่ 2 การลงทุนจากต่างชาติลงน้อยลง เนื่องจากมีองค์ประกอบเศรษฐกิจใหม่เกิดขึ้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความได้เปรียบในด้านบุคลากรและสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของอินโดนีเซียถูกทดแทนจากประเทศรอบข้าง
ประการที่ 3 เนื่องจากปีนี้กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี จึงทำให้มีปัจจัยเสี่ยงที่ไม่แน่นอนมากมาย ตลอดการบริโภคภายในประเทศไม่ค่อยคึกคัก ความต้องการภายในลดลงด้วย
Nune/Lr