ค่ำวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา ชาวญี่ปุ่นจากพื้นที่ต่างๆ จำนวนราว 400 คนฝ่าสายฝนที่ตกโปรยปรายไปยังทำเนียบนายกรัฐมนตรี หญิงญี่ปุ่นวัยกว่า 60 ปีคนหนึ่งระบุว่า วัตถุประสงค์ของญี่ปุ่นในการเริ่มต้นโครงการสถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ครั้งใหม่ก็เพื่อไม่อยากละทิ้งความฝันในการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งนี้ทำให้สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่นก็นับวันมีความกังวลต่อญี่ปุ่นที่ถือครองสารนิวเคลียร์จำนวนมากเช่นนี้มากขึ้นทุกวัน และเรียกร้องให้ญี่ปุ่นคืนสารนิวเคลียร์
อดีตผู้สื่อข่าวคนหนึ่งของสำนักข่าวไมนิชิ นิวส์ของญี่ปุ่นระบุว่า ญี่ปุ่นเคยลงสัตยาบัน "สนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์" เมื่อเดือนมิถุนายนปี 1976 ซึ่งการตกหล่นสารพลูโตเนียมจำนวน 640 กิโลกรัมในรายงานฯ ถือเป็นการฝ่าฝืนสนธิสัญญาดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด และเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก ก่อนหน้านี้เคยมีนักการเมืองและสมาชิกกองกำลังป้องกันตนเองจำนวนไม่น้อยระบุว่าต้องการเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น ดังนั้น วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของรัฐบาลนายชินโซ อาเบะก็คือ "ต้องการให้ญี่ปุ่นครอบครองอาวุธนิวเคลียร์"
ประธานสหพันธ์สืบสานและส่งเสริมคำปราศรัยของนายมูรายามา โทมิอิจิ (Murayama Tomiichi) ของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ดีอยู่ว่าหลังเกิดเหตุสารนิวเคลียร์รั่วไหลในฟูกุชิมะก็ยากที่จะดำเนินโครงการสถานีกำเนิดไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้อีก แต่กลับ "แจ้งข้อมูลเท็จ" ต่อองค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ จึงยากที่จะปัดความผิดได้ รัฐบาลญี่ปุ่นต้องรายงานต่อองค์การพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศอย่างซื่อสัตย์ ไม่งั้นจะสูญเสียความน่าเชื่อถือจากประชาคมโลก และจะถูกทั่วโลกประณาม
(YIM/LING)