หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา การประชุมมรดกโลกครั้งที่ 38 ที่กำลังจัดขึ้นที่กรุงโดฮาของกาตาร์ได้พิจารณาตรวจสอบและอนุมัติรายการเส้นทางสายไหมที่จีน คาซัคสถาน และคีร์กีซสถานร่วมกันยื่นขอ โดยได้จัดให้ "เส้นทางสายไหม" เข้าอยู่ในรายชื่อมรดกโลกแล้วอย่างเป็นทางการ
คณะกรรมการมรดกโลกระบุว่า เส้นทางสายไหมเป็นเส้นทางแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยน และการพูดคุยระหว่างโลกตะวันออกกับโลกตะวันตก ในรอบ 2,000 ปีที่ผ่านมา เส้นทางสายไหมสร้างคุณูปการสำคัญในความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของมนุษย์ และเป็นพยานแห่งการแลกเปลี่ยนด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสังคมระหว่างทวีปเอเชียและยุโรประหว่างศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสต์ศักราชถึงศตวรรษที่ 16 หลังคริสต์ศักราช โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนระหว่างอารยธรรมของชนเผ่าเร่ร่อนและชนเผ่าทำนา เส้นทางสายไหมยังเป็นแบบฉบับด้านการส่งเสริมการค้าทางไกลและการพัฒนาของตัวเมืองเป็นต้น สะท้อนให้เห็นถึงสภาพการแพร่หลายของพุทธศาสนา นิกายเม้งก่า (Manicheism) ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) และความคิดการวางผังเมืองในจีนโบราณและเขตเอเชียกลาง เป็นต้น
Yim/Ldan