สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 21-22 มิถุนายนที่ผ่านมา ในการประชุมสันติภาพโลกครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง สถานการณ์ทะเลจีนใต้ในฐานะขั้นตอนสำคัญด้านความมั่นคงของเอเชียแฟซิฟิก ได้รับความสนใจอย่างยิ่งจากผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการทั้งหลาย โดยผู้ร่วมประชุมต่างเห็นว่า ปัญหาความมั่นคงของทะเลจีนใต้ต้องแก้ไขผ่านการเจรจาระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องในส่วนภูมิภาค ถ้ากำลังภายนอกแทรกแซงมากเกินไป ก็จะทำให้สถานการณ์สลับซับซ้อนมากขึ้น

ในปัญหาแนวปะการังและการบุกเบิกทรัพยากร สถานการณ์ทะเลจีนใต้นับวันทวีความร้อนมากยิ่งขึ้น นายอู๋ ซื่อฉุน ผู้อำนวยการสถาบันทะเลจีนใต้ศึกษาของจีนวิเคราะห์ว่า ปัจจุบัน ถึงแม้ว่าสถานการณ์ทะเลจีนใต้นับวันมีความซับซ้อนมากขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วยังอยู่ภายใต้การควบคุม ปัจจัยที่ขัดขวางความร่วมมือระหว่างประเทศต่างๆ รอบทะเลจีนใต้นั้น มี 3 ประการ ได้แก่

หนึ่ง บางประเทศปฏิบัติการโดยลำพังฝ่ายเดียว และทำลายพื้นฐานของความร่วมมือ

สอง บางประเทศมุ่งใช้วิธีการทางกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้ในสภาพที่ไม่เหมาะสม ปัญหาทะเลจีนได้สามารถแก้ไขอย่างง่ายดายโดยผ่านกลไก "อนุสัญญาแห่งสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล" ถ้าบางประเทศพยายามปฏิบัติดังกล่าวโดยลำพังฝ่ายเดียวตลอดไป ก็จะทำให้สถานการณ์สลับซับซ้อนมากขึ้น และทำให้ความร่วมมือที่มุ่งผลจริงระหว่างประเทศยิ่งจะมีความยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ

สาม ประเทศต่างๆ มีเจตนารมณ์น้อยลงที่จะหารือกัน ถึงแม้แถลงการณ์ว่าด้วยปฏิบัติการของฝ่ายต่างๆ ในทะเลจีนใต้ยังมีผลบังคับใช้อยู่ แต่บางประเทศมีเจตนารมณ์น้อยลงที่จะหารือกัน

นายจอว์ฮาร์ โมฮาเหม็ด (Jawhar Mohamed) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศของมาเลเซียเห็นว่า ปัญหาทะเลจีนใต้ต้องให้ประเทศในภูมิภาคนี้แก้ไขด้วยตนเอง และหลีกเลี่ยงไม่ให้กำลังภายนอกแทรกแซง ขณะกล่าวถึงการซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ เขากล่าวว่า หลายปีมานี้ สหรัฐฯ กุลีกุจอมากขึ้นในปัญหาทะเลจีนใต้ แต่ก็กล่าวโดยตลอดว่า จะไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในเมื่อสหรัฐฯ ไม่มีจุดยืน ก็ไม่จำเป็นต้องมีการซ้อมรบ

In/Ldan