เมื่อวันที่ 20 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ มีรายงานข่าวว่า พม่ากับเวียดนามเริ่มสำรวจและกักบริเวณผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีโบลาที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่กำลังมีการระบาดในแอฟริกา เพื่อติดตามให้แน่ชัดว่า พวกเขาติดเชื้ออีโบลาหรือไม่ นับเป็นการเผยแพร่ข่าวลักษณะนี้อีกครั้งในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากฟิลิปปินส์ได้เผยแพร่ข่าวพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีโบลาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ ผู้โดยสารชายจากไนจีเรียสองคนได้ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อกักบริเวณและติดตามดูอาการหลังเดินทางถึงเมืองโฮจิมินห์ซิตี้ เนื่องจากทั้งสองคนดังกล่าวเป็นไข้ เจ้าหน้าที่เวียดนามยังเสนอว่า จะให้ผู้โดยสารใกล้คนทั้งสองในเครื่องบินไปตรวจร่างกายด้วย
ศูนย์ควบคุมโรคพม่าก็ประกาศว่า เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ ชายพม่าวัย 22 ปีคนหนึ่งก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลเพื่อกักบริเวณหลังจากเขาเดินทางถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขพม่าเผยว่า ผู้โดยสารอีก 4 คนที่เป็นคณะเดียวกันกับผู้ชายคนนี้ก็ถูกกักบริเวณแม้ยังไม่ปรากฏอาการอะไร
ปัจจุบัน พม่ากับเวียดนามต่างได้ใช้มาตรการเพื่อควบคุมเชื้ออีโบลาตามด่านเข้าออกแดน สนามบินนานาชาติเติน เซินยัด(Tan Son Nhat)ที่เมืองโฮจิมินห์ซิตี้เป็นท่าอากาศยานนานาชาติสำคัญที่มีผู้โดยสารจากแอฟริกามายังเวียดนามมากที่สุด ชาวไนจีเรียสองคนที่ถูกกักบริเวณดังกล่าวก็เข้าแดนเวียดนามที่สนามบินแห่งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคมเป็นต้นมา เวียดนามได้ตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายอัตโนมัติสองเครื่องที่สนามบิน เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิของผู้โดยสารที่ผ่านเข้าด่านทุกคน ขณะเดียวกันยังขอให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื่นที่เชื้ออีโบลากำลังระบาดรวมทั้ง กินี ไลบีเรีย เซียร์ราลีโอนและไนจีเรียเป็นต้นต้องกรอกแบบฟอร์มสุขภาพ นอกจากนั้น กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามยังประกาศแผนปฏิบัติการเพื่อรับมือกับอีโบลา เพื่อเสริมการป้องกันทั่วประเทศ ด้านพม่านั้น นอกจากที่สนามบินยางกุ้งแล้ว ทางการพม่ายังตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิอีก 11 เครื่องที่ด่านเข้าออกแดนอื่นๆด้วย
In/LJ