สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า สถิติล่าสุดจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดการลงทุนในต่างแดนของบรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน ขยายตัว 53.3% ภูมิภาคอาเซียนกลายเป็นเป้าหมายการลงทุนต่อการซื้อที่ดินและสร้างบ้านยอดนิยมของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งบริษัทที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เช่น บริษัท Lvdi Biguiyuan Fuli Wanke ฯลฯ พากันจัดสรรเงินทุนมหาศาลเพื่อจัดซื้อที่ดินหรือควบรวมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นในประเทศอาเซียน เช่น ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
โครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศของบริษัทจีน นับได้ว่าเพิ่งเริ่มต้น โดยกำหนดให้ขายบ้านกับชาวต่างชาติเชื้อสายจีนเป็นหลัก ดร.กู่ หมิงเฟยจากสถาบันวิจัยอาเซียนของมหาวิทยาลัยกว่างซีชี้แจ้งว่า ด้านหนึ่ง ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศอาเซียนอื่นๆ มีชาวต่างชาติเชื้อสายจีนกระจายไปทั่ว ซึ่งผู้คนเหล่านี้เป็นกลุ่มผู้บริโภครายใหญ่ ที่สำคัญ ราคาบ้านในประเทศอาเซียนถูกกว่าประเทศกำลังพัฒนาอย่างมาก ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแรงจูงใจผู้ลงทุนทั้งจีนและต่างชาติ
อีกด้านหนึ่ง ประเทศอาเซียนหลายประเทศประกาศนโยบายเอื้อประโยชน์ต่อการซื้อที่ดินและซื้อบ้านสำหรับผู้ลงทุนจากต่างแดน เช่น "แผนการได้บ้านเรือนชุดที่ 2" ของมาเลเซีย ครอบคลุมถึงมาตรการเอื้อเฟื้อทั้งในการซื้อบ้านและการซื้อรถ ส่วนรัฐบาลสิงคโปร์ใช้มาตรการปล่อยเงินกู้ในดอกเบี้ยต่ำเพื่อกระตุ้นชาวต่างชาติซื้อบ้านในสิงคโปร์โดยเฉพาะ ส่วนอินโดนีเซียกำหนดนโยบายเมื่อ 2 ปีก่อนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติซื้อบ้านพักแบบอพาร์ตเมนต์ในบางเมืองของอินโดนีเซีย โดยให้ถือสิทธิ์ใช้ประโยชน์นานถึง 60 ปี และให้ต่ออีก 60 ปีได้ ผู้ลงทุนต่างชาตินำอพาร์ตเมนต์เหล่านี้ไปขายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของอินโดนีเซียได้ด้วย
เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โครงการอพาร์ตเมนต์หรูหราของบริษัท Lvdi ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของจีน สร้างเสร็จสมบูรณ์ที่เมืองโกตาบารูของมาเลเซีย ในการเปิดจองโครงการแรก ก็ได้ขายออกไปเกิน 140 ชุด สร้างรายได้กว่า 160 ล้านหยวน พร้อมทำลายสถิติการซื้อขายของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในมาเลเซีย ขณะนี้ บริษัท Lvdi ลงทุนมหาศาลทั้งในมาเลเซียและไทย เนื่องจากมั่นใจว่าต้องได้กำไรสูง จึงจะขยายการลงทุนในประเทศอาเซียนเหล่านี้อย่างมีเสถียรภาพ
YIM/FENG