สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ดร.หวัง เจิ้นหมิน ผู้อำนวยการสถาบันกฎหมายมหาวิทยาลัยชิงหัว และรองประธานสภาวิจัยฮ่องกงและมาเก๊าแห่งชาติจีนกล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนว่า พฤตกรรมรุนแรงย่อมจะก่อให้เกิดผลที่รุนแรง ทำให้สวนทางกับความปรารถนาที่ดีงาม ขณะที่การแสดงความต้องการและร้องขออย่างมีสติย่อมจะทำให้เกิดความสมเหตุสมผล มีส่วนช่วยกระตุ้นให้การเลือกตั้งทั่วไปที่จะจัดขึ้นจริงในเร็ววันนี้ ดังนั้น ฮ่องกงไม่ควรพลาดโอกาสที่ดีในการจัดการเลือกตั้งทั่วไป อันเนื่องมาจากความผิดพลาดของคนกลุ่มน้อย มิฉะนั้น โอกาสที่จะอภิปรายประเด็นการเลือกตั้งทั่วไป ก็ไม่ทราบว่าต้องรออีกนานแค่ไหน
ค่ำวันเดียวกัน สหพันธ์ผู้สื่อข่าวฮ่องกงเชิญดร.หวัง เจิ้นหมินเดินทางไปยังฮ่องกง เพื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังสือปกขาวว่าด้วย "การปฏิบัติตามระบบหนึ่งประเทศสองระบอบในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง" และการปฏิรูปทางการเมืองของฮ่องกง ดร.หวัง เจิ้นหมินกล่าวว่า เมื่อทบทวนถึงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ฮ่องกงไม่เคยอยู่ใกล้กับจังหวะการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเหมือนที่ได้เข้าถึงในวันนี้ พลเมืองฮ่องกงส่วนใหญ่หวังว่า ในปี 2017 ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงจะได้รับการเลือกตั้งขึ้นมาจากคะแนนเสียงที่อยู่ในมือชาวฮ่องกงทุกคน
ดร.หวัง เจิ้นหมินเห็นว่า วงการต่างๆ ของฮ่องกงควรข้ามผ่านผลประโยชน์ของตน กำหนดแผนการปฏิรูปที่สอดคล้องกับความปรารถนาของชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ แผนฉบับนี้อาจจะไม่ใช่แผนที่ชื่นชอบที่สุดสำหรับบางคน แต่การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในฮ่องกงต้องการมีช่องก้าวแรก นี่เป็นขั้นตอนสำคัญ ต่อไปจึงจะมีโอกาสปรับปรุงแก้ไข หากบางคนไม่เลิกอคติและตัดผลประโยชน์ส่วนตัวให้น้อยบ้าง และไม่พิจารณาสถานการณ์ในภาพรวม ก็ยากที่จะบอกได้ว่า ความฝันที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไป จะประจักษ์เป็นจริงได้ในที่สุดหรือไม่
ดร.หวัง เจิ้นหมินมองว่า การจัดการเลือกตั้งทั่วไปนั้น ไม่มีมาตรฐานสากล เพราะรูปแบบการดำเนินการจะแตกต่างกันไปในประเทศและภูมิภาคที่ต่างกัน ระบอบการเลือกตั้งยังคงจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา การพัฒนาระบอบการเมืองของฮ่องกงไม่มีตัวอย่างจากที่ใดในโลกที่เปรียบเทียบได้ มีเพียงยึดมั่นในสภาพความเป็นจริงของฮ่องกง จึงสามารถกำหนดแผนการปฏิรูปทางการเมืองของฮ่องกงได้
ดร.หวัง เจิ้นหมินเน้นว่า ฮ่องกงยังคงเป็นสังคมทุนนิยม จำนวนผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมและการค้ายังมีน้อยมาก แต่คนกลุ่มนี้กลับเป็นผู้ควบคุมชีพจรเศรษฐกิจของฮ่องกง ถ้าขั้นตอนการสมัครชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่สามารถมีน้ำหนักสมดุลกันในทุกแวดแวง เสียงสะท้อนจากแวดวงอุตสาหกรรมและการค้าก็คงมีสัดส่วนน้อยมากท่ามกลางรูปแบบหนึ่งคนหนึ่งคะแนนเสียง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อการรักษาความเจริญมั่งคังและความมั่นคงของฮ่องกงในระยะยาว จนกระทั่งกระทบผลประโยชน์ของพลเมืองทั่วไปด้วย
IN/FENG